ก.ล.ต.ลั่นสนับสนุนให้ “โกลด์ฟิวเจอร์ส” สามารถเปิดซื้อในตลาดTFEX ได้โดยเร็วสุด เชื่อไม่กระทบผู้ประกอบการ มั่นใจเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย อีกทั้งช่วยชาติประหยัดเงินนำเข้าทองคำ พร้อมเปิดทางให้ผู้ค้าทองมีส่วนร่วมใน 5 รูปแบบ เพื่อเป็นอีกช่องทางสำหรับปั๊มรายได้
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สายงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ทางสำนักงานก.ล.ต.จะสนับสนุนให้เกิดการซื้อขายฟิวเจอร์สของทอง (Gold Futures) ให้เกิดขึ้นเร็วที่สุดซึ่งคาดว่าเรื่องดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 255
โดย ขณะนี้บมจ.ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX กำลังทำงานร่วมกับสมาคมค้าทองคำเพื่อให้โกลด์ฟิวเจอร์สเกิดขึ้นและในเดือนพฤศจิกายน นี้ ทางตลาดอนุพันธ์จะจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ค้าทองรายย่อยชั้นนำในประเทศเพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ของโกลด์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง
สำหรับในส่วนของสำนักงานก.ล.ต.พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเต็มที่ ซึ่งในเบื้องต้นทาง ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ค้าส่งทอง ผู้ค้าทองรายใหญ่ และผู้ค้าทองรายย่อยได้เข้ามามีส่วนร่วมในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สหลากหลายรูปแบบด้วยกัน
“การมีโกลด์ฟิวเจอร์สไม่ได้กระทบต่อธุรกิจค้าทองในประเทศไทยแต่ประการใด เพราะเป็นการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าของทองคำแท่ง 96.5% ที่มีการชำระราคาเป็นเงินสด หากผู้ลงทุนต้องการจะเปลี่ยนเป็นทองคำยังไงก็ยังคงต้องแปลงผลกำไรจากการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์สเพื่อไปซื้อทองคำแท่งจริงอยู่ดี ส่วนทองรูปพรรณไม่มีการซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนที่จะซื้อทองรูปพรรณยังไงเขาก็ต้องไปซื้อที่ร้านทองเหมือนเดิม ไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อผู้ประกอบการแต่ประการใด นอกจากนี้ยังช่วยให้ไทยลดปริมาณการส่งเงินจำนวนมากออกไปนอกประเทศเพื่อนำทองคำอีกด้วย”
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางสำนักงานก.ล.ต.ได้เปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าทองสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส 5 รูปแบบด้วยกัน คือ 1.การเป็นตัวแทนให้คำแนะนำการลงทุนที่จะคอยให้คำแนะนำลูกค้าให้กับโบรกเกอร์ (Introducing Agent) 2.การเป็นตัวแทนขายของโบรกเกอร์ (Selling Agent) 3. การเป็นสาขาย่อยให้กับโบรกเกอร์ (Cybor Branch) 4. การเปิดเป็นสาขาเต็มรูปแบบ และ 5. การขอใบอนุญาตซื้อขายจำกัดเฉพาะโกลด์ฟิวเจอร์ส ซึ่งคิดค่าใบอนุญาตเพียง 500,000 บาท เท่านั้น เพื่อเปิดช่องให้กับผู้ประกอบการค้าทองได้เข้ามามีส่วนร่วมในหลายรูปแบบด้วยกัน โดยสามารถที่จะมีรายได้จากส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมกับโบรกเกอร์ที่เป็นพันธมิตรถือเป้นอีกแหล่งรายได้ใหม่ของผู้ประกอบการร้านทองด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติในรายละเอียดต่อไป
สำหรับการกำกับดูแลผู้ประกอบการค้าทองที่จะเข้ามาร่วมในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สนั้น ทางสำนักงานก.ล.ต.จะกำกับดูแลผ่านโบรกเกอร์ที่เป็นพันธมิตรของร้านค้าทองเหล่านี้ โดยโบรกเกอร์จะต้องดำเนินการหรือจัดการให้ร้านค้าทองให้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ให้ถูกต้องครบถ้วน ดังนั้นโบรกเกอร์จะมีอำนาจในการที่จะแต่งตั้งหรือยกเลิกร้านทองก็ได้
ที่ผ่านมาความล่าช้าของการเปิดให้ซื้อขาย โกลด์ฟิวเจอร์สมีสาเหตุหลัก เป็นเพราะอยู่ในขั้นตอนของการแก้ไขพ.ร.บ.เงินตรา เพื่อให้สามารถซื้อขายล่วงหน้าผลิตภัณฑ์ประเภททองคำได้ จากเดิมกฎหมายระบุว่า ทองคำเป็นสินค้าที่ห้ามซื้อขาย ล่วงหน้า ขณะที่ในส่วนกระบวนการแก้กฎหมาย นั้น ทางสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ส่งเรื่อง ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาแล้วและขณะนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปให้กระทรวงการคลังพิจารณา เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในลำดับต่อไป
อย่างไรก็ตาม ช่วงรอยต่อของรัฐบาลชุดใหม่ประเมินว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขกฎหมายให้ล่าช้า โดยอาจจัดทำเป็นประกาศกฎกระทรวงและระบุว่าจะให้มี ผลบังคับใช้ล่วงหน้าในวันที่ 1 ม.ค.2552 ดังนั้นการตั้งเป้าหมายให้โกล์ดฟิวเจอร์สซื้อขายในปีหน้า จึงยังน่าจะทำได้อยู่ เพราะก.ล.ต.เร่งประสานงานการแก้กฎหมาย ทั้งนี้ กม.เงินตราอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง แต่ทางกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธปท.เป็นผู้ดูแลกฎหมายฉบับนี้
ก่อนหน้านี้ เรื่องดังกล่าวเคยมีความขัดแย้ง หรือมีความเห็นไม่ตรงกัน โดยสมาคมค้าทองคำและผู้บริหารร้านทองบางราย มองว่าหากมีการปเดให้ซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอรส์แล้ว ทางร้านค้าทองคำที่มีอยู่มากมายในประเทศจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ที่เห็นได้ชัดเจนคือจำนวนลูกค้าของร้านทองจะหายไป
ที่ผ่านมา TFEX ก.ล.ต. และผู้แทนของ ชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Industry Club หรือ FI Club) ได้ประชุมหารือกับผู้แทนจากสมาคมค้าทองคำหลายครั้ง ซึ่งทุกฝ่ายได้ให้การสนับสนุนและเร่งดำเนินงานในการที่จะหาแนวทางให้ผู้ค้าทองคำเข้าร่วมดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด โดยขณะนี้ TFEX อยู่ระหว่างเตรียมการรับผู้ค้าทองเข้ามาเป็นสมาชิก ซึ่งคาดว่าผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ของ TFEX จะสามารถเริ่มซื้อโกลด์ฟิวเจอร์สได้พร้อมกับสมาชิกปัจจุบันของ TFEX คือในปีหน้าเช่นกัน
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สายงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ทางสำนักงานก.ล.ต.จะสนับสนุนให้เกิดการซื้อขายฟิวเจอร์สของทอง (Gold Futures) ให้เกิดขึ้นเร็วที่สุดซึ่งคาดว่าเรื่องดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 255
โดย ขณะนี้บมจ.ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX กำลังทำงานร่วมกับสมาคมค้าทองคำเพื่อให้โกลด์ฟิวเจอร์สเกิดขึ้นและในเดือนพฤศจิกายน นี้ ทางตลาดอนุพันธ์จะจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ค้าทองรายย่อยชั้นนำในประเทศเพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ของโกลด์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง
สำหรับในส่วนของสำนักงานก.ล.ต.พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเต็มที่ ซึ่งในเบื้องต้นทาง ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ค้าส่งทอง ผู้ค้าทองรายใหญ่ และผู้ค้าทองรายย่อยได้เข้ามามีส่วนร่วมในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สหลากหลายรูปแบบด้วยกัน
“การมีโกลด์ฟิวเจอร์สไม่ได้กระทบต่อธุรกิจค้าทองในประเทศไทยแต่ประการใด เพราะเป็นการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าของทองคำแท่ง 96.5% ที่มีการชำระราคาเป็นเงินสด หากผู้ลงทุนต้องการจะเปลี่ยนเป็นทองคำยังไงก็ยังคงต้องแปลงผลกำไรจากการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์สเพื่อไปซื้อทองคำแท่งจริงอยู่ดี ส่วนทองรูปพรรณไม่มีการซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนที่จะซื้อทองรูปพรรณยังไงเขาก็ต้องไปซื้อที่ร้านทองเหมือนเดิม ไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อผู้ประกอบการแต่ประการใด นอกจากนี้ยังช่วยให้ไทยลดปริมาณการส่งเงินจำนวนมากออกไปนอกประเทศเพื่อนำทองคำอีกด้วย”
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางสำนักงานก.ล.ต.ได้เปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าทองสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส 5 รูปแบบด้วยกัน คือ 1.การเป็นตัวแทนให้คำแนะนำการลงทุนที่จะคอยให้คำแนะนำลูกค้าให้กับโบรกเกอร์ (Introducing Agent) 2.การเป็นตัวแทนขายของโบรกเกอร์ (Selling Agent) 3. การเป็นสาขาย่อยให้กับโบรกเกอร์ (Cybor Branch) 4. การเปิดเป็นสาขาเต็มรูปแบบ และ 5. การขอใบอนุญาตซื้อขายจำกัดเฉพาะโกลด์ฟิวเจอร์ส ซึ่งคิดค่าใบอนุญาตเพียง 500,000 บาท เท่านั้น เพื่อเปิดช่องให้กับผู้ประกอบการค้าทองได้เข้ามามีส่วนร่วมในหลายรูปแบบด้วยกัน โดยสามารถที่จะมีรายได้จากส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมกับโบรกเกอร์ที่เป็นพันธมิตรถือเป้นอีกแหล่งรายได้ใหม่ของผู้ประกอบการร้านทองด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติในรายละเอียดต่อไป
สำหรับการกำกับดูแลผู้ประกอบการค้าทองที่จะเข้ามาร่วมในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สนั้น ทางสำนักงานก.ล.ต.จะกำกับดูแลผ่านโบรกเกอร์ที่เป็นพันธมิตรของร้านค้าทองเหล่านี้ โดยโบรกเกอร์จะต้องดำเนินการหรือจัดการให้ร้านค้าทองให้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ให้ถูกต้องครบถ้วน ดังนั้นโบรกเกอร์จะมีอำนาจในการที่จะแต่งตั้งหรือยกเลิกร้านทองก็ได้
ที่ผ่านมาความล่าช้าของการเปิดให้ซื้อขาย โกลด์ฟิวเจอร์สมีสาเหตุหลัก เป็นเพราะอยู่ในขั้นตอนของการแก้ไขพ.ร.บ.เงินตรา เพื่อให้สามารถซื้อขายล่วงหน้าผลิตภัณฑ์ประเภททองคำได้ จากเดิมกฎหมายระบุว่า ทองคำเป็นสินค้าที่ห้ามซื้อขาย ล่วงหน้า ขณะที่ในส่วนกระบวนการแก้กฎหมาย นั้น ทางสำนักงาน ก.ล.ต.ได้ส่งเรื่อง ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาแล้วและขณะนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปให้กระทรวงการคลังพิจารณา เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในลำดับต่อไป
อย่างไรก็ตาม ช่วงรอยต่อของรัฐบาลชุดใหม่ประเมินว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขกฎหมายให้ล่าช้า โดยอาจจัดทำเป็นประกาศกฎกระทรวงและระบุว่าจะให้มี ผลบังคับใช้ล่วงหน้าในวันที่ 1 ม.ค.2552 ดังนั้นการตั้งเป้าหมายให้โกล์ดฟิวเจอร์สซื้อขายในปีหน้า จึงยังน่าจะทำได้อยู่ เพราะก.ล.ต.เร่งประสานงานการแก้กฎหมาย ทั้งนี้ กม.เงินตราอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง แต่ทางกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธปท.เป็นผู้ดูแลกฎหมายฉบับนี้
ก่อนหน้านี้ เรื่องดังกล่าวเคยมีความขัดแย้ง หรือมีความเห็นไม่ตรงกัน โดยสมาคมค้าทองคำและผู้บริหารร้านทองบางราย มองว่าหากมีการปเดให้ซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอรส์แล้ว ทางร้านค้าทองคำที่มีอยู่มากมายในประเทศจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ที่เห็นได้ชัดเจนคือจำนวนลูกค้าของร้านทองจะหายไป
ที่ผ่านมา TFEX ก.ล.ต. และผู้แทนของ ชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Industry Club หรือ FI Club) ได้ประชุมหารือกับผู้แทนจากสมาคมค้าทองคำหลายครั้ง ซึ่งทุกฝ่ายได้ให้การสนับสนุนและเร่งดำเนินงานในการที่จะหาแนวทางให้ผู้ค้าทองคำเข้าร่วมดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด โดยขณะนี้ TFEX อยู่ระหว่างเตรียมการรับผู้ค้าทองเข้ามาเป็นสมาชิก ซึ่งคาดว่าผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ของ TFEX จะสามารถเริ่มซื้อโกลด์ฟิวเจอร์สได้พร้อมกับสมาชิกปัจจุบันของ TFEX คือในปีหน้าเช่นกัน
