วิกฤตการเงินสหรัฐกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน บลจ.ปรับสัดส่วนกองมันนี่มาร์เก็ต หันมาเพิ่มการลงทุนในประเทศแทน ค่ายรวงข้าวเผย รอดูสถาการณ์และภาวะตลาดก่อนลงทุน ระบุลูกค้าบ้างส่วนยังกังวล ด้านเอวายเอฟ ยังนิ่งคงสัดส่วนเดิมตามเดิม เหตุตราสารของสถาบันการเงินที่ถือยังมีสภาพคล่องดี แต่เล็งโยกเงินกลับลงบอนด์ในประเทศแทน หลังตราสารที่มีครบอายุ ย้ำไม่มีการลงทุนต่างประเทศเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากวิกฤตสถาบันการเงินในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลกนั้น ทำให้ในปัจจุบันการลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เก็ตของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศให้ลดต่ำลง และหันมาลงทุนภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นแทน
ทั้งนี้ นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้บริหารฝ่ายจัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของกองทุนมันนี่มาร์เก็ต K-money ของบริษัทที่ผ่านมานั้นยังไม่ได้มีการลงทุนแต่อย่างใด ถึงแม้จะมีการเปิดช่องนโยบายเอาไว้ให้สามารถทำได้ก็ตาม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทเคยมีความคิดที่จะนำเงินบางส่วนไปลงทุนใน ตราสารทางการเงินในทวีปยุโรปในบ้างส่วนเช่นกัน แต่เนื่องจากขนาดกองทุนยังเล็กเกินไปจึงชะลอแผนการดังกล่าวไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศในช่วงนี้ บริษัทจำเป็นที่จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของเรา
“เรื่องวิกฤตการเงินเป็นเรื่องหนึ่งที่เราคำนึงถึง เพราะเมื่อมีนโยบายลงทุนในตราสารการเงินต่างประเทศ ลูกค้าของเราก็มีถามมาบ้าง และยังกังวลในเรื่องดังกล่าวด้วย แต่กองทุนนี้ที่ผ่านเรายังไม่เคยเอาเงินไปลงทุนเลย เพราะขนาดกองมันยังเล็กเกินไป”นายชัชชัยกล่าว
นายชัชชัย กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องวิกฤตสถาบันการเงินในต่างประเทศแล้ว สิ่งที่ทำให้บริษัทยังไม่ออกไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพราะอัตราผลตอบแทนที่ได้ในขณะนี้ใกล้เคียงกับการลงทุนภายในประเทศ หลังจากที่ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเชื่อว่าการลงทุนในประเทศจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า
ทั้งนี้ ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจะเป็นตัววัดผลตอบแทนที่ได้อย่างหนึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนในด้านนี้อยู่ในระดับต่ำ แต่มีการปรับตัวขึ้นมาในปัจจุบัน โดยอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่ปรับตัวขึ้นจะเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนด้านนี้มีความเปลี่ยนแปลง
ด้าน นายอาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนของกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินพลัส (AYFCASHPLS) กองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เก็ต) เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศประมาณ 60% และสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศประมาณ 30% โดยการลงทุนในต่างประเทศดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในตราสารทางการเงินของสถาบันการเงินของรัฐในต่างประเทศ (ECP) ซึ่งมีอายุการลงทุนประมาณ 2 เดือน
ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนดังกล่าวยังไม่ได้ปรับลดลงจากก่อนหน้านี้ เนื่องจากสถาบันการเงินที่เราไปลงทุนส่วนใหญ่ ไม่มีปัญหาสภาพคล่องแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม คาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะทยอยลดลงหลังจากนี้ เพราะหากตราสารที่กองทุนเข้าไปลงทุนครบอายุเมื่อไหร่ กองทุนก็จะดึงเงินกลับเข้ามาลงทุนในพันธบัตรในประเทศแทน โดยจะไม่มีการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มแต่อย่างใด
"ตอนนี้การลงทุนในต่างประเทศของเราหยุดลงทั้งหมด ไม่มีการลงทุนเพิ่มใดๆ ซึ่งสถาบันการเงินที่เราลงทุนอยู่ในตอนนี้เอง ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งในส่วนของลูกค้าเองก็เข้าใจว่ากองทุนลงทุนอะไรบ้าง ยังไรก็ตาม หลังจากครบอายุแล้ว เราก็จะโยกเงินมาลงทุนในพันธบัตรในประเทศแทน เพราะ ปัจจุบันยังให้ผลตอบแทนที่สูงอยู่ "นายอาสากล่าว
อนึ่ง นอกจาก 2 บลจ.ดังกล่าวข้างต้น บลจ.ทหารไทย เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีกองทุน ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ และได้มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ
ทั้งนี้ บลจ.ทหารไทย ให้เหตุผลว่า สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย USD Money Market ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในต่างประเทศ โดยรักษาสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนนั้น แต่เนื่องจากได้เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติในตลาดการเงินของต่างประเทศอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์การล้มละลายของสถาบันการเงินขนาดใหญ่จนก่อให้เกิดวิกฤติสถาบันการเงินในประเทศสหรัฐอเมริกา และเกิดความไม่เชื่อมั่นในสถาบันการเงินอื่นๆ ตามเป็นลูกโซ่ ทำให้บริษัทมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนของกองทุนนี้
โดยขณะนี้ สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศของกองทุนเปิดทหารไทย USD Money Market อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนยังคงเป็นไปตามเงื่อนไขพิเศษตามที่ระบุในข้อ 2 หน้า 2 ของหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปของกองทุน และข้อ 3.3 หน้า 11 ของหนังสือชี้ชวนส่วนโครงการของกองทุน ที่ระบุว่ากองทุนจะลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนตามที่กำหนดไว้ในข้อ 3.5 ยกเว้นสภาวการณ์ที่ไม่ปกติ และ/หรือกรณีที่อยู่ระหว่างการขออนุมัติวงเงินลงทุนในต่างประเทศ และ/หรือเหตุการณ์อื่นใดที่ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้อย่างสมเหตุสมผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากวิกฤตสถาบันการเงินในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลกนั้น ทำให้ในปัจจุบันการลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เก็ตของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศให้ลดต่ำลง และหันมาลงทุนภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นแทน
ทั้งนี้ นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้บริหารฝ่ายจัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของกองทุนมันนี่มาร์เก็ต K-money ของบริษัทที่ผ่านมานั้นยังไม่ได้มีการลงทุนแต่อย่างใด ถึงแม้จะมีการเปิดช่องนโยบายเอาไว้ให้สามารถทำได้ก็ตาม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทเคยมีความคิดที่จะนำเงินบางส่วนไปลงทุนใน ตราสารทางการเงินในทวีปยุโรปในบ้างส่วนเช่นกัน แต่เนื่องจากขนาดกองทุนยังเล็กเกินไปจึงชะลอแผนการดังกล่าวไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศในช่วงนี้ บริษัทจำเป็นที่จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของเรา
“เรื่องวิกฤตการเงินเป็นเรื่องหนึ่งที่เราคำนึงถึง เพราะเมื่อมีนโยบายลงทุนในตราสารการเงินต่างประเทศ ลูกค้าของเราก็มีถามมาบ้าง และยังกังวลในเรื่องดังกล่าวด้วย แต่กองทุนนี้ที่ผ่านเรายังไม่เคยเอาเงินไปลงทุนเลย เพราะขนาดกองมันยังเล็กเกินไป”นายชัชชัยกล่าว
นายชัชชัย กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องวิกฤตสถาบันการเงินในต่างประเทศแล้ว สิ่งที่ทำให้บริษัทยังไม่ออกไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพราะอัตราผลตอบแทนที่ได้ในขณะนี้ใกล้เคียงกับการลงทุนภายในประเทศ หลังจากที่ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเชื่อว่าการลงทุนในประเทศจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า
ทั้งนี้ ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจะเป็นตัววัดผลตอบแทนที่ได้อย่างหนึ่ง เนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนในด้านนี้อยู่ในระดับต่ำ แต่มีการปรับตัวขึ้นมาในปัจจุบัน โดยอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่ปรับตัวขึ้นจะเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนด้านนี้มีความเปลี่ยนแปลง
ด้าน นายอาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนของกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินพลัส (AYFCASHPLS) กองทุนรวมตลาดเงิน (มันนี่มาร์เก็ต) เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศประมาณ 60% และสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศประมาณ 30% โดยการลงทุนในต่างประเทศดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในตราสารทางการเงินของสถาบันการเงินของรัฐในต่างประเทศ (ECP) ซึ่งมีอายุการลงทุนประมาณ 2 เดือน
ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนดังกล่าวยังไม่ได้ปรับลดลงจากก่อนหน้านี้ เนื่องจากสถาบันการเงินที่เราไปลงทุนส่วนใหญ่ ไม่มีปัญหาสภาพคล่องแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม คาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะทยอยลดลงหลังจากนี้ เพราะหากตราสารที่กองทุนเข้าไปลงทุนครบอายุเมื่อไหร่ กองทุนก็จะดึงเงินกลับเข้ามาลงทุนในพันธบัตรในประเทศแทน โดยจะไม่มีการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มแต่อย่างใด
"ตอนนี้การลงทุนในต่างประเทศของเราหยุดลงทั้งหมด ไม่มีการลงทุนเพิ่มใดๆ ซึ่งสถาบันการเงินที่เราลงทุนอยู่ในตอนนี้เอง ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งในส่วนของลูกค้าเองก็เข้าใจว่ากองทุนลงทุนอะไรบ้าง ยังไรก็ตาม หลังจากครบอายุแล้ว เราก็จะโยกเงินมาลงทุนในพันธบัตรในประเทศแทน เพราะ ปัจจุบันยังให้ผลตอบแทนที่สูงอยู่ "นายอาสากล่าว
อนึ่ง นอกจาก 2 บลจ.ดังกล่าวข้างต้น บลจ.ทหารไทย เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีกองทุน ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ และได้มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ
ทั้งนี้ บลจ.ทหารไทย ให้เหตุผลว่า สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย USD Money Market ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในต่างประเทศ โดยรักษาสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนนั้น แต่เนื่องจากได้เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติในตลาดการเงินของต่างประเทศอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤตการณ์การล้มละลายของสถาบันการเงินขนาดใหญ่จนก่อให้เกิดวิกฤติสถาบันการเงินในประเทศสหรัฐอเมริกา และเกิดความไม่เชื่อมั่นในสถาบันการเงินอื่นๆ ตามเป็นลูกโซ่ ทำให้บริษัทมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนของกองทุนนี้
โดยขณะนี้ สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศของกองทุนเปิดทหารไทย USD Money Market อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนยังคงเป็นไปตามเงื่อนไขพิเศษตามที่ระบุในข้อ 2 หน้า 2 ของหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปของกองทุน และข้อ 3.3 หน้า 11 ของหนังสือชี้ชวนส่วนโครงการของกองทุน ที่ระบุว่ากองทุนจะลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนตามที่กำหนดไว้ในข้อ 3.5 ยกเว้นสภาวการณ์ที่ไม่ปกติ และ/หรือกรณีที่อยู่ระหว่างการขออนุมัติวงเงินลงทุนในต่างประเทศ และ/หรือเหตุการณ์อื่นใดที่ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้อย่างสมเหตุสมผล