xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.วรรณจ่ายปันผลONE-DP อัตราหน่วยลงทุนละ0.14บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.วรรณ จ่ายเงินปันผล "กองทุนเปิดวรรณทวีปันผล" ให้อัตราหน่วยลงทุนละ 0.14 บาท ด้านผู้ถือหน่วยลงทุนเฮรับพร้อมกัน วันที่ 22 ตุลาคมนี้ เผยผลตอบแทนล่าสุด ย้อนหลัง 3 เดือนโดดเด่น 5.54%

รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จํากัด เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนเปิดวรรณทวีปันผล (ONE-DP) ได้มีมติเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2551 ให้จ่ายเงินปันผลของกองทุนเปิดวรรณทวีปันผล จากกําไรสะสมของผลการดําเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2551 ถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2551 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.14 บาท และได้กําหนดวันปิดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 20 ตุลาคม 2551 และกําหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 ตุลาคม 2551 โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จํากัด ในฐานะ นายทะเบียนหน่วยลงทุน จะเป็นผู้จัดส่งเช็คเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน

สำหรับกองทุนเปิดวรรณทวีปันผล มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีความมั่นคงเป็นหลัก เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตั๋วเงินคลัง และตราสารแห่งหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือใน 4 อันดับแรก (category) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นต้น ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นทุน หน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนหรือกองทุนรวมผสม ตลอดจนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนหรือกองทุนรวมผสม

อนึ่ง กองทุนอาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (Hedging) หรือเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management) และกองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับ ตัวแปร (Structured Note)

โดยกองทุนจะมีการจ่ายเงินปันผล ไม่เกินเดือนละ 1 ครั้ง โดยจะพิจารณาจ่ายในอัตราไม่เกินร้อยละ 100 ของกำไรสะสมหรือกำไรสุทธินั้นๆ ทั้งนี้ ตามที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร ซึ่งที่ผ่านมา กองทุนเปิดวรรณทวีปันผล ได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วก่อนหน้านี้ 21 ครั้ง โดยคิดเป็นจำนวนเงินปันผลรวม 2.4235 บาทต่อหน่วย

สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 26 กันยายน 2551 ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลังในรอบ 3 เดือนอยู่ที่ 5.54% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน (ค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี เฉลี่ยจาก 3 ธนาคาร ธ.กรุงเทพ,ธ.กสิกรไทย,ธ.ไทยพานิชย์) 2.72% ส่วนผลตอบแทนสุทธิย้อนหลังในรอบ 6 เดือนอยู่ที่ 1.90 % เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 2.57% และผลตอบแทนสุทธิในรอบ 1 ปี อยู่ที่ 2.68% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 2.45 %
ในขณะที่สัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 หลักทรัพย์ 10 อันดับแรกที่มีการลงทุนสูงสุด ประกอบด้วย 1. พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 2. ตั๋วสัญญาใช้เงิน - ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 3. หุ้นกู้ - บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (A) 4. หุ้นกู้ - บจ.มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) (AAA) 5. หุ้นกู้ - คาร์กิล อินคอร์ปอร์เรท (AAA tha) 6. หุ้นกู้ - บมจ.ธนาคารทิสโก้ (A) 7. หุ้นกู้ - บมจ.บัตรกรุงไทย (A-) 8. ตั๋วแลกเงิน - บมจ.ธนาคารทิสโก 9. หุ้นกู้ - บมจ.ปตท. (AAA) และ 10. หุ้นกู้ - บจ.ผลิตไฟฟ้าขนอม (AA-)
กำลังโหลดความคิดเห็น