บลจ.อยุธยา เพิ่มบริการ "Passbook" 12 กองทุน ประเดิมเอาใจลูกค้ากองมันนี่มาร์เกต แอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟ หวังเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุน ติดตามการเคลื่อนไหวของเงินลงทุน พร้อมให้ความรู้สึกเหมือนการไปธนาคาร แล้วเห็นเงินเพิ่มขึ้นทุกวัน ล่าสุด เดินหน้าขายกองทุนซีรีส์ "อยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส 6M" กองทุน 4 เน้นลงทุนบอนด์สถาบันการเงอน-เอกชน ระยะสั้น 6 เดือน คากการณ์ผลตอบแทน ไม่น้อยกว่า 3.65% ต่อปี ไอพีโอถึง 8 ตุลาคมนี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือเอวายเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดทำสมุดบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุน Passbook ให้กับผู้ถือหน่วย เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลการ ลงทุนได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น โดยผู้ลงทุนสามารถขอรับและเริ่มใช้สมุดฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดทำสมุดดังกล่าวทั้งสิ้น 12 กองทุน
โดยกองทุนทั้งหมดประกอบด้วย กองทุนเปิดจำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงิน และกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินพลัส กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) จำนวน 6 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดอยุธยาพันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอยุธยาทวีทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอยุธยา SET100 เพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ รวมถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) จำนวน4 กองทุน คือ กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยา SET50 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล 70/30
รายงานข่าวกล่าวว่า เป้าหมายของการให้บริการ Passbook ในครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนสามารถติตามความเคลื่อนไหวการลงทุนของนักลงทุนเองได้ดีมากขึ้น รวมถึงทราบการเปลี่ยนแปลงของเงินลงทุนในกองทุนนั้นๆ ด้วย ซึ่งการเห็นการเคลื่อนไหวดังกล่าว จะให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับการไปธนาคาร โดยเฉพาะผู้ลงทุนในกองทุนตลาดเงิน (มันนี่มาร์เกต) ที่เคยชินกับการฝากเงินอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การจัดทำ Passbook เป็นบริหารที่ทำขึ้นตามความต้องการของลูกค้า เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ลงทุนอยากได้สมุดที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเงินลงทุนได้ รวมถึงบันทึกการลงทุนเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะ กองทุนรวมหุ้นระยะยาวและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ดังนั้น เราจึงได้เริ่มต้นการใช้ Passbook กับผู้ลงทุนในกองทุนประเภทดังกล่าวก่อน ซึ่งหลังจากนั้น ก็จะขยายการทำ Passbook ไปสู้กองทุนอื่นๆ ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทต่อไป
"การมี Passbook จำทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้น เพราะมีหลักฐานการทำธุรกรรมว่าได้ลงทุนไปแล้วชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ลงทุนก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ ซึ่งในส่วนของกองทุนมั่นนี่มาร์เกต ผู้ลงทุนจะเห็นเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน"รายงานข่าวกล่าว
ทั้งนี้ ลูกค้าเอวายเอฟ สามารถท่านสามารถติดต่อขอรับสมุด Passbook ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในสาขาเจ้าของบัญชีกองทุน โดยการรับสมุดนั้น ผู้ลงทุนต้องนำเอกสารพร้อมแสดงบัตรประชาชน เพื่อแสดงตนในการขอรับสมุดฯ มาด้วย ส่วน ในกรณีที่ผู้ลงทุนเคยเปิดบัญชีในนามนิติบุคคล บัญชีร่วม หรือเปิดบัญชีกองทุนโดยมีผู้มีอำนาจลงนามมากกว่า 1 ท่าน ผู้มีอำนาจลงนามทั้งหมดจะต้องไปติดต่อขอออกสมุดฯ เช่นเดียวกับเมื่อเปิดบัญชีกองทุน เพื่อทำการ ลงลายมือชื่อหลังสมุดฯ
ขายกองบอนด์เอกชนให้ยิลด์3.65%
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ วันที่ 29 กันยายน - 8 ตุลาคม 2551 บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกของ กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส 6M4 ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารของสถาบันการเงินและเอกชนในประเทศ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนในซีรีส์ กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส 6M ที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปแล้ว 3 กองทุนก่อนหน้านี้
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส 6M4 ตราสารหนี้ในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ขึ้นไป ที่มีอายุประมาณ 6 เดือน โดยมีสัดส่วนการลงทุน100% ซึ่งผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ 4.00% และค่าใช้จ่ายของกองทุน 0.35% ทำให้ผู้ลงทุนในกองทุนดังกล่าว จะได้รับผลตอบแทนในรูปอัตรารับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่น้อยกว่า 3.65% ต่อปี
สำหรับรายละเอียดของตราสารที่คาดว่าจะลงทุนนั้น (สัดส่วนการลงทุนแต่ละผู้ออกไม่เกิน 25%) เช่น หุ้นกู้ระยะสั้นออกโดยธนาคารกสิกรไทยจำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนประมาณ 3.85% AA/FITCH, ตั๋วแลกเงินออกโดยธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนประมาณ 3.875% A/FITCH, ตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนประมาณ 4.02% A/TRIS, หุ้นกู้ระยะสั้นออกโดยบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ผลตอบแทนประมาณ 3.88% AAA/TRIS และ ตั๋วสัญญาใช้เงินออกโดยบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด ผลตอบแทนประมาณ 4.70% A/TRIS เป็นต้น
ทั้งนี้ หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ระบุไว้ ทั้งนี้ ตราสารที่จะลงทุน สัดส่วนการลงทุน ประมาณการผลตอบแทนและค่าใช้จ่ายของกองทุน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติระหว่างอายุโครงการ โดยบริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย ณ วันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ ไปยังกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินพลัสซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น รวมไปถึงการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นในต่างประเทศ
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือเอวายเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดทำสมุดบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุน Passbook ให้กับผู้ถือหน่วย เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลการ ลงทุนได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น โดยผู้ลงทุนสามารถขอรับและเริ่มใช้สมุดฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดทำสมุดดังกล่าวทั้งสิ้น 12 กองทุน
โดยกองทุนทั้งหมดประกอบด้วย กองทุนเปิดจำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงิน และกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินพลัส กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) จำนวน 6 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดอยุธยาพันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอยุธยาทวีทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอยุธยา SET100 เพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ รวมถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) จำนวน4 กองทุน คือ กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยา SET50 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล 70/30
รายงานข่าวกล่าวว่า เป้าหมายของการให้บริการ Passbook ในครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนสามารถติตามความเคลื่อนไหวการลงทุนของนักลงทุนเองได้ดีมากขึ้น รวมถึงทราบการเปลี่ยนแปลงของเงินลงทุนในกองทุนนั้นๆ ด้วย ซึ่งการเห็นการเคลื่อนไหวดังกล่าว จะให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับการไปธนาคาร โดยเฉพาะผู้ลงทุนในกองทุนตลาดเงิน (มันนี่มาร์เกต) ที่เคยชินกับการฝากเงินอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การจัดทำ Passbook เป็นบริหารที่ทำขึ้นตามความต้องการของลูกค้า เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ลงทุนอยากได้สมุดที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเงินลงทุนได้ รวมถึงบันทึกการลงทุนเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะ กองทุนรวมหุ้นระยะยาวและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ดังนั้น เราจึงได้เริ่มต้นการใช้ Passbook กับผู้ลงทุนในกองทุนประเภทดังกล่าวก่อน ซึ่งหลังจากนั้น ก็จะขยายการทำ Passbook ไปสู้กองทุนอื่นๆ ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทต่อไป
"การมี Passbook จำทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้น เพราะมีหลักฐานการทำธุรกรรมว่าได้ลงทุนไปแล้วชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ลงทุนก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ ซึ่งในส่วนของกองทุนมั่นนี่มาร์เกต ผู้ลงทุนจะเห็นเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นทุกวัน"รายงานข่าวกล่าว
ทั้งนี้ ลูกค้าเอวายเอฟ สามารถท่านสามารถติดต่อขอรับสมุด Passbook ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในสาขาเจ้าของบัญชีกองทุน โดยการรับสมุดนั้น ผู้ลงทุนต้องนำเอกสารพร้อมแสดงบัตรประชาชน เพื่อแสดงตนในการขอรับสมุดฯ มาด้วย ส่วน ในกรณีที่ผู้ลงทุนเคยเปิดบัญชีในนามนิติบุคคล บัญชีร่วม หรือเปิดบัญชีกองทุนโดยมีผู้มีอำนาจลงนามมากกว่า 1 ท่าน ผู้มีอำนาจลงนามทั้งหมดจะต้องไปติดต่อขอออกสมุดฯ เช่นเดียวกับเมื่อเปิดบัญชีกองทุน เพื่อทำการ ลงลายมือชื่อหลังสมุดฯ
ขายกองบอนด์เอกชนให้ยิลด์3.65%
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ วันที่ 29 กันยายน - 8 ตุลาคม 2551 บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกของ กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส 6M4 ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารของสถาบันการเงินและเอกชนในประเทศ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนในซีรีส์ กองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส 6M ที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปแล้ว 3 กองทุนก่อนหน้านี้
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส 6M4 ตราสารหนี้ในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ขึ้นไป ที่มีอายุประมาณ 6 เดือน โดยมีสัดส่วนการลงทุน100% ซึ่งผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ 4.00% และค่าใช้จ่ายของกองทุน 0.35% ทำให้ผู้ลงทุนในกองทุนดังกล่าว จะได้รับผลตอบแทนในรูปอัตรารับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่น้อยกว่า 3.65% ต่อปี
สำหรับรายละเอียดของตราสารที่คาดว่าจะลงทุนนั้น (สัดส่วนการลงทุนแต่ละผู้ออกไม่เกิน 25%) เช่น หุ้นกู้ระยะสั้นออกโดยธนาคารกสิกรไทยจำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนประมาณ 3.85% AA/FITCH, ตั๋วแลกเงินออกโดยธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนประมาณ 3.875% A/FITCH, ตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผลตอบแทนประมาณ 4.02% A/TRIS, หุ้นกู้ระยะสั้นออกโดยบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ผลตอบแทนประมาณ 3.88% AAA/TRIS และ ตั๋วสัญญาใช้เงินออกโดยบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด ผลตอบแทนประมาณ 4.70% A/TRIS เป็นต้น
ทั้งนี้ หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ระบุไว้ ทั้งนี้ ตราสารที่จะลงทุน สัดส่วนการลงทุน ประมาณการผลตอบแทนและค่าใช้จ่ายของกองทุน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบปกติระหว่างอายุโครงการ โดยบริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกราย ณ วันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ ไปยังกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินพลัสซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น รวมไปถึงการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นในต่างประเทศ