"บลจ.แอสเซท พลัส" เดินหน้าเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 ที่มีรอบระยะการลงทุนทุก 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐประเทศเกาหลี ซึ่งจะเปิดขายหน่วยลงทุนในวันที่ 26 กันยายนเพียงวันเดียวเท่านั้น
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 (Asset Plus Premium Fund 6M3 : ASP-P6M3) ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ โดยมีรอบการลงทุนทุก 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนรอบใหม่ในวันที่ 26 กันยายนวันเดียวเท่านั้น และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 5,000.00 บาท
สำหรับกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 เป็นกองทุนรวมผสม ที่ไม่มีการลงทุนในตราสารทุน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศ และมีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยกองทุนจะลงทุนในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ และหรือเงินฝากระยะสั้น หรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด(near cash) ระยะสั้น ซึ่งสถาบันการเงินในประเทศที่กองทุนได้ลงทุนนั้นเป็นผู้ออก เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนในต่างประเทศ เช่นเพื่อรอการลงทุน หรือเพื่อชำระค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ กองทุนอาจทำสัญญาสวอปและ/หรือสัญญาฟอร์เวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) จากอัตราแลกเปลี่ยน และอาจมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note) รวมถึง Credit Linked Note โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ขณะเดียวกัน กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์สภาพคล่อง ตราสารแห่งหนี้ เงินฝากในประเทศ ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี เพื่อสำรองไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รอการลงทุน หรือเพื่อรักษาสภาพคล่องของกองทุน ในกรณีที่สถานการณ์การลงทุนในประเทศ หรือต่างประเทศไม่เหมาะสม เช่น ภาวะที่ตลาดและเศรษฐกิจมีความผันผวน หรือเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติต่างๆ หรือ กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบซึ่งมีผลกระทบต่อการลงทุน ทำให้อาจมีบางขณะที่กองทุนไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่ระบุไว้ข้างต้นได้ บริษัทจัดการจะรายงานการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ต่อสำนักงาน
โดย ในช่วงรอการลงทุน ซึ่งมีระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สิน และ/หรือในช่วงระยะเวลาก่อนเลิกโครงการ และ/หรือในช่วงที่ผู้ลงทุนสั่งซื้อหรือรอชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุน ซึ่งมีระยะเวลาไม่เกิน 10 วันทำการ ซึ่งกองทุนอาจจำเป็นต้องชะลอการลงทุนในต่างประเทศชั่วคราว ทำให้อาจมีบางขณะที่กองทุนไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่ระบุไว้ข้างต้นได้
ขณะเดียวกันบริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะเลิกกองทุน โดยถือว่าได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว ในกรณีที่สถานการณ์การลงทุนในต่างประเทศไม่เหมาะสม เช่น เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และ/หรือ การเมือง หรือกรณีที่ไม่สามารถสรรหาหลักทรัพย์/ทรัพย์สินที่จะลงทุนในต่างประเทศที่เหมาะสมได้
ก่อนหน้านี้ นายวสุ สุทธิพงษ์ชัย ผู้จัดการกองทุน บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า กระแสข่าวเกี่ยวกับความวิตกกังวลเรื่องฐานะทางการเงินของประเทศเกาหลีใต้ จากการคาดการณ์ว่าเงินทุนจะไหลออกจำนวนมากในเดือนกันยายนนั้น เชื่อว่าประเทศเกาหลีใต้ ไม่น่าจะเกิดวิกฤตทางการเงินตามที่กังวลกัน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานประเทศยังแข็งแกร่ง นอกจากนั้น ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ยังได้ออกมาให้ความมั่นใจว่าฐานะทางการเงินของประเทศเกาหลีใต้มีความมั่นคง และจะไม่เกิดวิกฤตการเงินครั้งที่สองขึ้นอย่างแน่นอน จากพื้นฐานของประเทศที่แข็งแกร่งกว่าในช่วงวิกฤตการเงินเอเชียปี 2540 โดยมีทุนสำรองต่างประเทศสูงกว่า 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากเป็นอันดับ 6 ของโลก และเทียบเท่ากับยอดการนำเข้าประมาณ 6 เดือน ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับแรงกดดันต่างๆ ได้
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 (Asset Plus Premium Fund 6M3 : ASP-P6M3) ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ โดยมีรอบการลงทุนทุก 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนรอบใหม่ในวันที่ 26 กันยายนวันเดียวเท่านั้น และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 5,000.00 บาท
สำหรับกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 เป็นกองทุนรวมผสม ที่ไม่มีการลงทุนในตราสารทุน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศ และมีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยกองทุนจะลงทุนในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ และหรือเงินฝากระยะสั้น หรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด(near cash) ระยะสั้น ซึ่งสถาบันการเงินในประเทศที่กองทุนได้ลงทุนนั้นเป็นผู้ออก เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนในต่างประเทศ เช่นเพื่อรอการลงทุน หรือเพื่อชำระค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ กองทุนอาจทำสัญญาสวอปและ/หรือสัญญาฟอร์เวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) จากอัตราแลกเปลี่ยน และอาจมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Note) รวมถึง Credit Linked Note โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ขณะเดียวกัน กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์สภาพคล่อง ตราสารแห่งหนี้ เงินฝากในประเทศ ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี เพื่อสำรองไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รอการลงทุน หรือเพื่อรักษาสภาพคล่องของกองทุน ในกรณีที่สถานการณ์การลงทุนในประเทศ หรือต่างประเทศไม่เหมาะสม เช่น ภาวะที่ตลาดและเศรษฐกิจมีความผันผวน หรือเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติต่างๆ หรือ กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบซึ่งมีผลกระทบต่อการลงทุน ทำให้อาจมีบางขณะที่กองทุนไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่ระบุไว้ข้างต้นได้ บริษัทจัดการจะรายงานการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่กำหนดไว้ต่อสำนักงาน
โดย ในช่วงรอการลงทุน ซึ่งมีระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สิน และ/หรือในช่วงระยะเวลาก่อนเลิกโครงการ และ/หรือในช่วงที่ผู้ลงทุนสั่งซื้อหรือรอชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุน ซึ่งมีระยะเวลาไม่เกิน 10 วันทำการ ซึ่งกองทุนอาจจำเป็นต้องชะลอการลงทุนในต่างประเทศชั่วคราว ทำให้อาจมีบางขณะที่กองทุนไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามสัดส่วนการลงทุนที่ระบุไว้ข้างต้นได้
ขณะเดียวกันบริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะเลิกกองทุน โดยถือว่าได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว ในกรณีที่สถานการณ์การลงทุนในต่างประเทศไม่เหมาะสม เช่น เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และ/หรือ การเมือง หรือกรณีที่ไม่สามารถสรรหาหลักทรัพย์/ทรัพย์สินที่จะลงทุนในต่างประเทศที่เหมาะสมได้
ก่อนหน้านี้ นายวสุ สุทธิพงษ์ชัย ผู้จัดการกองทุน บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า กระแสข่าวเกี่ยวกับความวิตกกังวลเรื่องฐานะทางการเงินของประเทศเกาหลีใต้ จากการคาดการณ์ว่าเงินทุนจะไหลออกจำนวนมากในเดือนกันยายนนั้น เชื่อว่าประเทศเกาหลีใต้ ไม่น่าจะเกิดวิกฤตทางการเงินตามที่กังวลกัน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานประเทศยังแข็งแกร่ง นอกจากนั้น ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ยังได้ออกมาให้ความมั่นใจว่าฐานะทางการเงินของประเทศเกาหลีใต้มีความมั่นคง และจะไม่เกิดวิกฤตการเงินครั้งที่สองขึ้นอย่างแน่นอน จากพื้นฐานของประเทศที่แข็งแกร่งกว่าในช่วงวิกฤตการเงินเอเชียปี 2540 โดยมีทุนสำรองต่างประเทศสูงกว่า 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากเป็นอันดับ 6 ของโลก และเทียบเท่ากับยอดการนำเข้าประมาณ 6 เดือน ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับแรงกดดันต่างๆ ได้