บลจ.ทหารไทย เปิดขายกองทุนโรลโอเวอร์รวดเดียว 3 โครงการ เน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาลในแบบ 3 เดือน ครึ่งปี และ1ปี การันตีผลตอบเเทนเฉลี่ยที่ 3.47% ,3.49%และ 3.54% ตามลำดับ ตั้งโต๊ะรับจองตั้งวันนี้ - 26 กันยายน ตามแผนชูกองตราสารหนี้เป็นเรือธงรักษายอดเม็ดเงินลงทุนใหม่
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนพันธบัตรอีก 3 โครงการ ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือนรุ่นที่ 3 ซึ่งประมาณการผลตอบเเทนอยู่ที่ 3.47% พร้อมกับ กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 6 เดือน รุ่นที่ 3 ผลตอบเเทนเฉลี่ยที่ 3.49% เเละกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 1 ปี รุ่นที่ 9 ผลตอบเเทนเฉลี่ย 3.54% โดยทั้งหมดจะทำการเสนอขายตั้งเเต่วันที่ 19 - 26 กันยายน 2551
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือน รุ่นที่ 3 จดทะเบียนกองทุนในวันที่ 3 เมษายน 2549 มีนโยบายกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน )
ขณะเดียวกัน เงินส่วนที่เหลือ กองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ทั้งนี้กองทุนจะลงทุนในตราสารหรือเงินฝากที่มีอายุคงเหลือสูงสุดประมาณ 3 เดือนนับแต่วันที่ลงทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ 17 กันยายน 2551 อยู่ที่ 10.8679 บาท เเละมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 513,244,439.46 บาท
ขณะที่ กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 6 เดือน รุ่นที่ 3 จดทะเบียนกองทุนในวันที่ 2 ตุลาคม 2550 มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน ) สำหรับเงินส่วนที่เหลือ กองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น โดยจะลงทุนในตราสารหรือเงินฝากที่มีอายุคงเหลือสูงสุดประมาณ 6 เดือนนับแต่วันที่ลงทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ 17 กันยายน 2551 อยู่ที่ 10.8982 บาท เเละมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 162,053,044.00 บาท
ส่วนกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 1 ปี รุ่นที่ 9 จดทะเบียนกองทุนในวันที่ 2 ตุลาคม 2550 โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน )
ขณะเดียวกันเงินส่วนที่เหลือ กองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ซึ่งจะลงทุนในตราสารหรือเงินฝากที่มีอายุคงเหลือสูงสุดประมาณ 1 ปีนับแต่วันที่ลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ 17 กัยายน 2551 อยู่ที่ 10.7742 บาท เเละมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 163,137,615.86 บาท
อนึ่ง ในปี 2551 บลจ.ทหารไทย จะพยายามรักษายอดเม็ดเงินลงทุนใหม่ (Net New Cash Flow) ให้เป็น 0 จากปัจจุบันที่บริษัทมียอดเม็ดเงินลงทุนติดลบกว่า 7,000 ล้านบาท โดยในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้นั้นบริษัทจะเร่งขยายขนาดเม็ดเงินลงทุนด้วยการสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจและเน้นให้บริการแก่ลูกค้าที่ดี ซึ่งคาดว่าเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่จะเติบโตมาจากกองทุนตราสารหนี้
ทั้งนี้ เพราะหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ส่งผลทำให้ความน่าสนใจของกองทุนตราสารหนี้ในประเทศมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยปัจจุบันส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนระหว่างกองทุนตราสารหนี้ในประเทศกับกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้มีส่วนต่างประมาณ 0.10% ทำให้บลจ.จะเน้นขายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศมากขึ้น ซึ่งถ้านักลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนออกไปนอกประเทศแล้ว แนะนำให้มาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในประเทศเพิ่มมากขึ้นแทน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ว่า บริษัทจะมีการเข้าไปพูดคุยกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อขอแก้ไขช่วงราคา (TickSite) ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์จากปัจจุบันที่กำหนดช่วงราคาที่ 0.10 บาท เป็น 0.01 บาท ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นที่ส่งผลต่อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดรอง ขณะที่แผนการเพิ่มทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) จำนวนไม่เกิน 11,420 ล้านบาทจากมูลค่าเงินทุนของกองทุนรวมเดิมจำนวน 10,915 ล้านบาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 22,335 ล้านบาทนั้น บลจ.อาจจะมีการจัดโรดโชว์ เพื่อกระตุ้นยอดการเพิ่มทุนอีกครั้ง หลังจากที่ในช่วงก่อนขอมติผู้ถือหน่วย บลจ.ได้มีการจัดโรดโชว์แล้วและได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ถือหน่วย
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์กองทุนรวม (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนพันธบัตรอีก 3 โครงการ ได้แก่ กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือนรุ่นที่ 3 ซึ่งประมาณการผลตอบเเทนอยู่ที่ 3.47% พร้อมกับ กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 6 เดือน รุ่นที่ 3 ผลตอบเเทนเฉลี่ยที่ 3.49% เเละกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 1 ปี รุ่นที่ 9 ผลตอบเเทนเฉลี่ย 3.54% โดยทั้งหมดจะทำการเสนอขายตั้งเเต่วันที่ 19 - 26 กันยายน 2551
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 3 เดือน รุ่นที่ 3 จดทะเบียนกองทุนในวันที่ 3 เมษายน 2549 มีนโยบายกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน )
ขณะเดียวกัน เงินส่วนที่เหลือ กองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ทั้งนี้กองทุนจะลงทุนในตราสารหรือเงินฝากที่มีอายุคงเหลือสูงสุดประมาณ 3 เดือนนับแต่วันที่ลงทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ 17 กันยายน 2551 อยู่ที่ 10.8679 บาท เเละมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 513,244,439.46 บาท
ขณะที่ กองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 6 เดือน รุ่นที่ 3 จดทะเบียนกองทุนในวันที่ 2 ตุลาคม 2550 มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน ) สำหรับเงินส่วนที่เหลือ กองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น โดยจะลงทุนในตราสารหรือเงินฝากที่มีอายุคงเหลือสูงสุดประมาณ 6 เดือนนับแต่วันที่ลงทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ 17 กันยายน 2551 อยู่ที่ 10.8982 บาท เเละมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 162,053,044.00 บาท
ส่วนกองทุนเปิดทหารไทยพันธบัตร 1 ปี รุ่นที่ 9 จดทะเบียนกองทุนในวันที่ 2 ตุลาคม 2550 โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารตลาดเงินภาครัฐ ในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน )
ขณะเดียวกันเงินส่วนที่เหลือ กองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วสัญญาใช้เงินหรือบัตรเงินฝากที่ออกโดยสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ซึ่งจะลงทุนในตราสารหรือเงินฝากที่มีอายุคงเหลือสูงสุดประมาณ 1 ปีนับแต่วันที่ลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ 17 กัยายน 2551 อยู่ที่ 10.7742 บาท เเละมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 163,137,615.86 บาท
อนึ่ง ในปี 2551 บลจ.ทหารไทย จะพยายามรักษายอดเม็ดเงินลงทุนใหม่ (Net New Cash Flow) ให้เป็น 0 จากปัจจุบันที่บริษัทมียอดเม็ดเงินลงทุนติดลบกว่า 7,000 ล้านบาท โดยในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้นั้นบริษัทจะเร่งขยายขนาดเม็ดเงินลงทุนด้วยการสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจและเน้นให้บริการแก่ลูกค้าที่ดี ซึ่งคาดว่าเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่จะเติบโตมาจากกองทุนตราสารหนี้
ทั้งนี้ เพราะหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ส่งผลทำให้ความน่าสนใจของกองทุนตราสารหนี้ในประเทศมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยปัจจุบันส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนระหว่างกองทุนตราสารหนี้ในประเทศกับกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้มีส่วนต่างประมาณ 0.10% ทำให้บลจ.จะเน้นขายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศมากขึ้น ซึ่งถ้านักลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนออกไปนอกประเทศแล้ว แนะนำให้มาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในประเทศเพิ่มมากขึ้นแทน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ว่า บริษัทจะมีการเข้าไปพูดคุยกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อขอแก้ไขช่วงราคา (TickSite) ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์จากปัจจุบันที่กำหนดช่วงราคาที่ 0.10 บาท เป็น 0.01 บาท ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นที่ส่งผลต่อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดรอง ขณะที่แผนการเพิ่มทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) จำนวนไม่เกิน 11,420 ล้านบาทจากมูลค่าเงินทุนของกองทุนรวมเดิมจำนวน 10,915 ล้านบาท เป็นเงินทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 22,335 ล้านบาทนั้น บลจ.อาจจะมีการจัดโรดโชว์ เพื่อกระตุ้นยอดการเพิ่มทุนอีกครั้ง หลังจากที่ในช่วงก่อนขอมติผู้ถือหน่วย บลจ.ได้มีการจัดโรดโชว์แล้วและได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ถือหน่วย