"บลจ.ไทยพาณิชย์"ส่งกองทุนตราสารหนี้ลุยตลาดต่อ รองรับนักลงทุนไม่ชอบความเสี่ยง ล่าสุด เปิดขายเพิ่มอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท เสนอทางเลือกลงทุนระยะ 6 เดือนและ 12 เดือน ในพันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้ภาคเอกชน เปิดขายไอพีโอพร้อมกันวันที่ 24 – 30 ต.ค.นี้
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนใหม่จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 12M16 (SCBGB12M16) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุโครงการไม่เกิน 12 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรและตราสารหนี้ 8 (SCBGCORP8) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 6 เดือน เน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 24 – 30 ตุลาคม 2551 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
สำหรับกองทุน SCBGB12M16 จะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยจะเน้นลงทุนใน ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย และ/หรือเงินฝาก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กองทุนคาดว่าจะไม่สามารถซื้อตราสารที่มีอายุคงเหลือดังกล่าวได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ กองทุนอาจจะเข้าลงทุนในตราสารที่มีอายุยาวกว่า 12 เดือน โดยจะเข้าทำสัญญาขายตราสารดังกล่าวล่วงหน้า เพื่อให้อายุของสัญญาสอดคล้องกับวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 12 เดือน
ขณะที่ เงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้อื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ อาจเป็นได้ทั้งตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้ จากสถาบันจัดอันดับ และหรือเป็นตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับ (non investment grade) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับกองทุนรวม
ส่วนกองทุน SCBGCORP8 จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยจะเน้นลงทุนใน ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย และ/หรือตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก รวมทั้งพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ของรัฐวิสาหกิจ และ/หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
ขณะเดียวกันในกรณีที่กองทุนคาดว่าจะไม่สามารถซื้อตราสารที่มีอายุคงเหลือดังกล่าวได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ กองทุนอาจจะเข้าลงทุนในตราสารที่มีอายุยาวกว่า 6 เดือน โดยจะเข้าทำสัญญาขายตราสารดังกล่าวล่วงหน้า เพื่อให้อายุของสัญญาสอดคล้องกับวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 6 เดือน
ทั้งนี้ กองทุนทั้ง 2 กองจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) และจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ด้านราคาของตราสาร
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนใหม่จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 12M16 (SCBGB12M16) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุโครงการไม่เกิน 12 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรและตราสารหนี้ 8 (SCBGCORP8) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 6 เดือน เน้นลงทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยจะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 24 – 30 ตุลาคม 2551 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
สำหรับกองทุน SCBGB12M16 จะลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยจะเน้นลงทุนใน ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย และ/หรือเงินฝาก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กองทุนคาดว่าจะไม่สามารถซื้อตราสารที่มีอายุคงเหลือดังกล่าวได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ กองทุนอาจจะเข้าลงทุนในตราสารที่มีอายุยาวกว่า 12 เดือน โดยจะเข้าทำสัญญาขายตราสารดังกล่าวล่วงหน้า เพื่อให้อายุของสัญญาสอดคล้องกับวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 12 เดือน
ขณะที่ เงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้อื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ อาจเป็นได้ทั้งตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้ จากสถาบันจัดอันดับ และหรือเป็นตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับ (non investment grade) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับกองทุนรวม
ส่วนกองทุน SCBGCORP8 จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือเงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนดหรือให้ความเห็นชอบ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยจะเน้นลงทุนใน ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย และ/หรือตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก รวมทั้งพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ของรัฐวิสาหกิจ และ/หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
ขณะเดียวกันในกรณีที่กองทุนคาดว่าจะไม่สามารถซื้อตราสารที่มีอายุคงเหลือดังกล่าวได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ กองทุนอาจจะเข้าลงทุนในตราสารที่มีอายุยาวกว่า 6 เดือน โดยจะเข้าทำสัญญาขายตราสารดังกล่าวล่วงหน้า เพื่อให้อายุของสัญญาสอดคล้องกับวันรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 6 เดือน
ทั้งนี้ กองทุนทั้ง 2 กองจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) และจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ด้านราคาของตราสาร