บลจ.เอ็มเอฟซี จับมือธนาคารซิตี้แบงก์ ตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายหน่วยลงทุน รายล่าสุด หลังผ่านขั้นตอนในการกลั่นกรองคุณภาพด้านการบริหารกองทุน และระบบบริหารความเสี่ยง พร้อมทัพผู้บริหารและทีมงานคุณภาพที่มีประสบการณ์เฉลี่ยกว่า 10 ปี เพื่อเสนอทางเลือกใหม่ของกองทุนที่หลากหลายให้กับลูกค้า Citigold และซิตี้แบงก์
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่เอ็มเอฟซีให้ความสำคัญในการขยายช่องทางการขายหน่วยลงทุนให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งขยายฐานลูกค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายหน่วยลงทุนนั้น เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เอ็มเอฟซีได้ลงนาม ในสัญญาแต่งตั้งธนาคารซิตี้แบงก์เป็นตัวแทนจำหน่ายรายล่าสุด ซึ่งเป็นธนาคารต่างประเทศแห่งที่สอง นับจากดอยซ์แบงก์ โดยเสนอขายหน่วยลงทุนให้กับกลุ่มลูกค้าซิตี้โกลด์ เวลธ์เมเนจเมนต์ และ ซิตี้แบงก์ เป็นหลัก
ทั้งนี้ ธนาคารซิตี้แบงก์ จะเริ่มประเดิมขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นฮานซ์ ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ประเภท Options ที่อ้างอิงกับกลุ่มดัชนี RICI Enhenced Excess Return Index เป็นกองทุนแรก
ปัจจุบัน บลจ. เอ็มเอฟซี มีตัวแทนซื้อขาย หน่วยลงทุนรวมทั้งสิ้น 32 แห่ง แบ่งเป็นธนาคาร 6 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์ 25 แห่ง และบลจ. 1 แห่ง โดยในปีนี้มี แผนงานที่จะเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายอีก 1-2 แห่ง รวมทั้งปรับปรุงระบบการบริการ และการซื้อขายหน่วยลงทุน ให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายพิชิตกล่าวว่า ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะเพิ่ม Investment Planer หรือ IP ให้มากขึ้น ทั้งในแง่ของจำนวนและคุณภาพในการให้บริการลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมา เราเองมีการอบรม IP อย่างต่อเนื่อง ทั้งการให้ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ทางการลงทุน และเหตุการณ์บ้านเมือง ตรงนี้นี่เองที่เป็นความแตกต่างของเรา ระหว่างบลจ.ที่ใช้เครือข่ายสาขาแบงก์ เนื่องจากพนักงานในสาขาแบงก์ส่วนใหญ่ถูกสร้างมาเพื่อขายโพรดักซ์ของธนาคารเป็นหลักเท่านั่น แต่ IP ของเรา จะโฟกัสเรื่องของการลงทุนที่ครอบคลุมมากกว่า
โดยปัจจุบันบลจ.เอ็มเอฟซี มีแผนจะเพิ่มจำนวน IP อีกประมาณ 50% หรือประมาณ 30 คนจากจำนวน 20 กว่าคนในปัจจุบัน ซึ่งทั้งปีนี้ เราคาดหมายว่าจะเพิ่มจำนวน IP อีกให้ถึง 50 คน ซึ่งช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่าน IP นี้เอง ที่ทำให้เรามั่นใจว่าปีนี้ เราจะสามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมาย 2.4 ล้านบาท หรือขยายตัว 10%
ด้านนายปวิณ รอดลอยทุกข์ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นการพัฒนาศักยภาพของเราในการสรรหาผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะกับสภาวะการณ์ปัจจุบัน ซึ่งการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเอ็มเอฟซีในครั้งนี้ ทางธนาคารมีเกณฑ์พิจารณาสำคัญในเรื่องประสบการณ์ และความเป็นมืออาชีพ ซึ่งเอ็มเอฟซีนับว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 33 ปี โดยจุดเด่นของบริษัทที่ ได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษคือเรื่องของการบริหารกองทุน ปรัชญาการลงทุน กระบวนการ ขั้นตอนการลงทุน และ ทีมบุคลากรด้านการลงทุน (ผู้จัดการกองทุนและทีมงานวิจัย) จำนวน 22 คน ซึ่งมีประสบการณ์กว่า 10 ปี รวมทั้ง กระบวนการ บริหารและควบคุมความเสี่ยง การกำกับดูแลและการตรวจสอบ ตลอดจนระบบปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทั้งหมดนี้ ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบโดยละเอียดจากสำนักงานใหญ่ของซิตี้แบงก์ที่นิวยอร์กแล้ว
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่เอ็มเอฟซีให้ความสำคัญในการขยายช่องทางการขายหน่วยลงทุนให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งขยายฐานลูกค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายหน่วยลงทุนนั้น เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เอ็มเอฟซีได้ลงนาม ในสัญญาแต่งตั้งธนาคารซิตี้แบงก์เป็นตัวแทนจำหน่ายรายล่าสุด ซึ่งเป็นธนาคารต่างประเทศแห่งที่สอง นับจากดอยซ์แบงก์ โดยเสนอขายหน่วยลงทุนให้กับกลุ่มลูกค้าซิตี้โกลด์ เวลธ์เมเนจเมนต์ และ ซิตี้แบงก์ เป็นหลัก
ทั้งนี้ ธนาคารซิตี้แบงก์ จะเริ่มประเดิมขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นฮานซ์ ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ประเภท Options ที่อ้างอิงกับกลุ่มดัชนี RICI Enhenced Excess Return Index เป็นกองทุนแรก
ปัจจุบัน บลจ. เอ็มเอฟซี มีตัวแทนซื้อขาย หน่วยลงทุนรวมทั้งสิ้น 32 แห่ง แบ่งเป็นธนาคาร 6 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์ 25 แห่ง และบลจ. 1 แห่ง โดยในปีนี้มี แผนงานที่จะเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายอีก 1-2 แห่ง รวมทั้งปรับปรุงระบบการบริการ และการซื้อขายหน่วยลงทุน ให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายพิชิตกล่าวว่า ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะเพิ่ม Investment Planer หรือ IP ให้มากขึ้น ทั้งในแง่ของจำนวนและคุณภาพในการให้บริการลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมา เราเองมีการอบรม IP อย่างต่อเนื่อง ทั้งการให้ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ทางการลงทุน และเหตุการณ์บ้านเมือง ตรงนี้นี่เองที่เป็นความแตกต่างของเรา ระหว่างบลจ.ที่ใช้เครือข่ายสาขาแบงก์ เนื่องจากพนักงานในสาขาแบงก์ส่วนใหญ่ถูกสร้างมาเพื่อขายโพรดักซ์ของธนาคารเป็นหลักเท่านั่น แต่ IP ของเรา จะโฟกัสเรื่องของการลงทุนที่ครอบคลุมมากกว่า
โดยปัจจุบันบลจ.เอ็มเอฟซี มีแผนจะเพิ่มจำนวน IP อีกประมาณ 50% หรือประมาณ 30 คนจากจำนวน 20 กว่าคนในปัจจุบัน ซึ่งทั้งปีนี้ เราคาดหมายว่าจะเพิ่มจำนวน IP อีกให้ถึง 50 คน ซึ่งช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่าน IP นี้เอง ที่ทำให้เรามั่นใจว่าปีนี้ เราจะสามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมาย 2.4 ล้านบาท หรือขยายตัว 10%
ด้านนายปวิณ รอดลอยทุกข์ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นการพัฒนาศักยภาพของเราในการสรรหาผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะกับสภาวะการณ์ปัจจุบัน ซึ่งการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเอ็มเอฟซีในครั้งนี้ ทางธนาคารมีเกณฑ์พิจารณาสำคัญในเรื่องประสบการณ์ และความเป็นมืออาชีพ ซึ่งเอ็มเอฟซีนับว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 33 ปี โดยจุดเด่นของบริษัทที่ ได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษคือเรื่องของการบริหารกองทุน ปรัชญาการลงทุน กระบวนการ ขั้นตอนการลงทุน และ ทีมบุคลากรด้านการลงทุน (ผู้จัดการกองทุนและทีมงานวิจัย) จำนวน 22 คน ซึ่งมีประสบการณ์กว่า 10 ปี รวมทั้ง กระบวนการ บริหารและควบคุมความเสี่ยง การกำกับดูแลและการตรวจสอบ ตลอดจนระบบปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทั้งหมดนี้ ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบโดยละเอียดจากสำนักงานใหญ่ของซิตี้แบงก์ที่นิวยอร์กแล้ว
