บลจ.บีที เตรียมออกกองทุน "บีทีไลฟ์ทาร์เก็ตแพลน 1" อายุโครงการ 3 ปี เน้นบริหารกองทุนแบบโพรวิเดนท์ฟันด์ บวกการทำประกันชีวิต หวังเป็นอีก 1 ทางเลือกให้แก่นักลงทุน เผยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทประกันอยู่ 2 - 3 แห่ง คาดเปิดขายหน่วยลงทุนได้เดือนกันยายนนี้
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 3 หรือประมาณเดือนกันยายนนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนรวมบีทีไลฟ์ทาร์เก็ตแพลน 1 กองทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายของการออม ที่มีอายุโครงการ 3 ปี โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งมีนโยบายการบริหารกองทุนเหมือนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (โพรวิเดนท์ฟันด์) ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นกองทุนแรกของประเทศไทย และในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาบริษัทประกันอยู่ประมาณ 2 - 3 แห่ง
โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างวินัยในการออม อีกทั้งยังเป็นกองทุนที่เหมาะแก่นักลงทุนที่ต้องการวางแผนไว้ล่วงหน้าให้แก่ชีวิตที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าลูกจ้างในเมื่องไทยนั้นมีการออมเงินที่น้อยมาก หรือบางบริษัทอาจจะไม่มี ดังนั้นกองทุนดังกล่าวจึงถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งและเป็นช่องทางใหม่ ๆ ให้แก่นักลงทุน
"สาเหตุที่บริษัทจัดตั้งกองทุนดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปัจจุบันพนักลงทุนจะต้องหักรายได้จากเงินเดือนประมาณ 5% ต่อเดือน และบริษัทสมทบให้อีก 5% ซึ่งบริษัทพิจารณาดูแล้วเงินสะสมค่อยข้างน้อยเกินไปสำหรับผู้ที่กำลังเกษียณอายุ ดังนั้น บริษัทจึงจัดตั้งกองทุนดังกล่าวขึ้นมา และบริษัทค่อนข้างมั่นใจในการบริหารกองทุนเป็นอย่างมาก เพราะจากประสบการณ์ในการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ผ่านถือว่าได้รับการยอมรับจากบริษัทต่าง ๆ เป็นอย่างดีในการให้ บลจ. บีที เข้าไปบริหาร" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกองทุนรวมบีทีไลฟ์ทาร์เก็ตแพลน 1 จะเป็นกองทุนที่มีการบริหารเหมือนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่จะมีความแตกต่างอยู่ตรงที่กองทุนจะมีการทำประกันชีวิตและมีกำหนดระยะเวลาไว้ 3 ปีโดยมีการเงินคืนและสมทบให้กับผู้เข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าว ทั้งนี้ กองทุนจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการวางแผนไว้สำหรับในอนาคต เช่นเพื่อเป็นทุนการศึกษาไว้ให้กับลูกหลาน หรือเพื่อเป็นการวางแผนไว้สำหรับผู้ที่จะมีครอบครัวหรือแต่งงาน เป็นต้น เป็นการออมไว้เพื่อเป้าหมายในอนาคตนั้นเอง
ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องลงทุนในช่วงไอพีโอขั้นต่ำ 50,000 บาท หรืออาจจะลงทุนเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัวเป็น 100,000 บาท หรือ 150,000 บาท เป็นต้น และต้องทำการจ่ายเงินทุก ๆ เดือน ๆ ละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเมื่อนักลงทุนจ่ายครบตามกำหนดระยะเวลาแล้ว จะได้เงินรวมกันทั้งสิ้น 230,000 บาท โดยไม่รวมกับผลตอบแทน หรือหากผู้ลงทุนได้ทำการลงทุนไปแล้ว 100,000 บาท แล้วเกินมีอันเป็นไป บริษัทประกันจะจ่ายให้ 130,000 บาท
“นโยบายการลงทุนของกองทุนนี้จะค่อนข้างระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกองทุนจนครบกำหนด 3 ปีจะได้เงินสบทบคืนกลับไปอีก ซึ่งจะมีการบริหารกองทุนเหมือน ๆ กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทุกประการ แต่จะมีเสริมเข้ามตรงที่กองทุนมีการทำประกันชีวิตให้ ซึ่งถ้านักลงทุนเกิดประสบอุบัติเหตุขั้นเสียชีวิตไปในช่วงระยะเวลาที่ลงทุนอยู่นั้น บลจ. บีทีจะทำการจ่ายเงินสมทบให้ทันที” นายอนุสรณ์กล่าว
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 3 หรือประมาณเดือนกันยายนนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนรวมบีทีไลฟ์ทาร์เก็ตแพลน 1 กองทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายของการออม ที่มีอายุโครงการ 3 ปี โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งมีนโยบายการบริหารกองทุนเหมือนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (โพรวิเดนท์ฟันด์) ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นกองทุนแรกของประเทศไทย และในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาบริษัทประกันอยู่ประมาณ 2 - 3 แห่ง
โดยกองทุนดังกล่าวเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างวินัยในการออม อีกทั้งยังเป็นกองทุนที่เหมาะแก่นักลงทุนที่ต้องการวางแผนไว้ล่วงหน้าให้แก่ชีวิตที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าลูกจ้างในเมื่องไทยนั้นมีการออมเงินที่น้อยมาก หรือบางบริษัทอาจจะไม่มี ดังนั้นกองทุนดังกล่าวจึงถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งและเป็นช่องทางใหม่ ๆ ให้แก่นักลงทุน
"สาเหตุที่บริษัทจัดตั้งกองทุนดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปัจจุบันพนักลงทุนจะต้องหักรายได้จากเงินเดือนประมาณ 5% ต่อเดือน และบริษัทสมทบให้อีก 5% ซึ่งบริษัทพิจารณาดูแล้วเงินสะสมค่อยข้างน้อยเกินไปสำหรับผู้ที่กำลังเกษียณอายุ ดังนั้น บริษัทจึงจัดตั้งกองทุนดังกล่าวขึ้นมา และบริษัทค่อนข้างมั่นใจในการบริหารกองทุนเป็นอย่างมาก เพราะจากประสบการณ์ในการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ผ่านถือว่าได้รับการยอมรับจากบริษัทต่าง ๆ เป็นอย่างดีในการให้ บลจ. บีที เข้าไปบริหาร" นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกองทุนรวมบีทีไลฟ์ทาร์เก็ตแพลน 1 จะเป็นกองทุนที่มีการบริหารเหมือนกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่จะมีความแตกต่างอยู่ตรงที่กองทุนจะมีการทำประกันชีวิตและมีกำหนดระยะเวลาไว้ 3 ปีโดยมีการเงินคืนและสมทบให้กับผู้เข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าว ทั้งนี้ กองทุนจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการวางแผนไว้สำหรับในอนาคต เช่นเพื่อเป็นทุนการศึกษาไว้ให้กับลูกหลาน หรือเพื่อเป็นการวางแผนไว้สำหรับผู้ที่จะมีครอบครัวหรือแต่งงาน เป็นต้น เป็นการออมไว้เพื่อเป้าหมายในอนาคตนั้นเอง
ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องลงทุนในช่วงไอพีโอขั้นต่ำ 50,000 บาท หรืออาจจะลงทุนเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัวเป็น 100,000 บาท หรือ 150,000 บาท เป็นต้น และต้องทำการจ่ายเงินทุก ๆ เดือน ๆ ละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเมื่อนักลงทุนจ่ายครบตามกำหนดระยะเวลาแล้ว จะได้เงินรวมกันทั้งสิ้น 230,000 บาท โดยไม่รวมกับผลตอบแทน หรือหากผู้ลงทุนได้ทำการลงทุนไปแล้ว 100,000 บาท แล้วเกินมีอันเป็นไป บริษัทประกันจะจ่ายให้ 130,000 บาท
“นโยบายการลงทุนของกองทุนนี้จะค่อนข้างระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกองทุนจนครบกำหนด 3 ปีจะได้เงินสบทบคืนกลับไปอีก ซึ่งจะมีการบริหารกองทุนเหมือน ๆ กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทุกประการ แต่จะมีเสริมเข้ามตรงที่กองทุนมีการทำประกันชีวิตให้ ซึ่งถ้านักลงทุนเกิดประสบอุบัติเหตุขั้นเสียชีวิตไปในช่วงระยะเวลาที่ลงทุนอยู่นั้น บลจ. บีทีจะทำการจ่ายเงินสมทบให้ทันที” นายอนุสรณ์กล่าว
