คำถาม - สนใจที่จะลงทุนในกองทุนรวม แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ และแต่ละกองทุนมีความเสี่ยงน้อยไม่เท่ากัน จะรู้ได้อย่างไรว่าควรลงทุนมากน้อยแค่ไหนถึงจะไม่ขาดทุน สนใจลงทุน
ตอบ - เจ้าหน้าที่จากสมาคมบลจ.ได้ตอบคำถามไว้ดังนี้ครับ ถ้าจะเริ่มต้นด้วยวัถตุประสงค์ที่จะลงทุนไม่ให้เกิดการขาดทุนเลยนั้น คงจะให้คำตอบที่สำเร็จรูปไม่ได้แล้วครับ แม้แต่การฝากเงินกับธนาคารก็ได้มี พรบ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งจะเริ่มใช้บังคับตั้งแต่ 12 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป ก็จะทำให้ผู้ฝากเงินจะได้รับการคุ้นครองเงินฝากตามสัดส่วนและมูลค่าที่กำหนดไว้ใน พรบ. ดังกล่าว คือ ในปีแรกยังคุ้มครองให้ทั้งจำนวนที่ฝาก ในปีที่ 2 จะคุ้มครองให้ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร ในปีที่ 3 จะคุ้มครองให้ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร ในปีที่ 4 จะคุ้มครองให้ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร และตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไปจะคุ้มครองให้ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร
อย่างไรก็ดี การลงทุนในตราสารการเงินใดๆ ที่มีการค้ำประกันโดยบุคคลที่ 3 เพิ่มขึ้น เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ กองทุนรวมตราสารหนี้ภาครัฐ รวมถึงกองทุนรวมแบบมีประกัน (ซึ่งปัจจุบันไม่มีกองทุนประเภทนี้เสนอขายต่อผู้ลงทุน) ก็จะทำให้ผู้ลงทุนมีความเสี่ยงที่ลดลง โดยถ้าบุคคลที่ 3 ดังกล่าวเป็นรัฐบาลความเสี่ยงก็จะต่ำกว่าบุคคลอื่นค้ำประกันครับ ส่วนการลงทุนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการค้ำประกันโดยบุคคลที่ 3 โอกาสที่จะได้กำไรและขาดทุนก็จะเป็นไปตามลักษณะของตราสารหรือรูปแบบในการลงทุนนั้นๆ ด้วย
ซึ่งทีมงานคอลัมน์ Q&A อยากเเนะนำให้คุณ สนใจอยากลงทุน รู้จักกับกองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนมันนี่มาร์เก็ต ที่ให้ผลตอบเเทนที่ดี ความเสี่ยงน้อยอีกด้วย โดยกองทุนดังกล่าว กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) คือการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ตราสารประเภทนี้ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน เงินฝากธนาคาร และอื่นๆ วัตถุประสงค์หลักของกองทุนรวมตลาดเงินคือการรักษาเงินต้น ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมีสภาพคล่องสูง โดยส่วนใหญ่ผลตอบแทนจะดีกว่าเงินฝากธนาคาร จึงถือได้ว่าเป็นกองทุนรวมประเภทที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ แต่การลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินไม่ใช่การลงทุนระยะยาว เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนไม่สามารถชนะเงินเฟ้อได้ แตกต่างจากการลงทุนในกองทุนหุ้น หรือการลงทุนประเภทอื่นที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
วิธีการลงทุนของกองทุนรวมตลาดเงินคือการนำเงินไปลงทุนในตราสารตลาดเงิน ผลตอบแทนส่วนใหญ่ที่กองทุนจะได้รับคือดอกเบี้ย กำไรหรือขาดทุนจากการขายตราสาร และกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคาตราสารที่กองทุนถืออยู่ จึงเห็นได้ว่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุน ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้จัดการกองทุนในการคัดเลือกประเภทและอายุตราสาร รวมถึงการจัดการสภาพคล่องของกองทุนให้เหมาะสมผลตอบแทนจากการลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จะถูกรวมอยู่ในมูลค่าหน่วยลงทุน(NAV) สำหรับกองทุนรวมตลาดเงิน โดยส่วนใหญ่จะไม่มีการจ่ายผลตอบแทนออกมาในรูปเงินปันผล เนื่องจากต้องมีการจ่ายภาษีบนเงินปันผล
ถึงแม้ว่าการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน เป็นการลงทุนที่เรียกได้ว่ามีความเสี่ยงต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น แต่ก็มีความเสี่ยงที่ควรทราบดังต่อไปนี้ กองทุนรวมตลาดเงินเป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ราคามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ เนื่องจากมี กำไรหรือขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารที่ขายออกไป และกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคาตราสารที่ถืออยู่ในกองทุนด้วย ไม่ได้มีเฉพาะรายได้ที่อยู่ในรูปดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว และแต่ละกองทุนก็มีนโยบายในการลงทุนในตราสารหนี้ที่ต่างประเภทกัน บางกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาล และ ภาคธนาคาร ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำซึ่งผลตอบแทนก็จะสอดคล้องกับความเสี่ยง ในขณะที่บางกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น ซึ่งได้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตราสารภาครัฐ และธนาคารแต่ความเสี่ยงก็ย่อมสูงสอดคล้องกับผลตอบแทนเช่นกัน นอกจากประเภทตราสารที่กองทุนเน้นลงทุน อายุของตราสารที่อยู่ในกองทุนก็มีความสำคัญ
โดยส่วนใหญ่เราจะดูได้จากอายุเฉลี่ยของตราสารในกองทุน ( Weighted Average Maturity “WAM”) ซึ่งควรจะต้องมีการเปิดเผยเป็นรายเดือน อายุของตราสารจะมีความสัมพันธ์กับความผันผวนของผลตอบแทนเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่นกองทุนลงทุนในตราสารตลาดเงินอายุค่อนข้างยาว ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นก็อาจทำให้ผลตอบแทนลดลงได้ อย่างไรก็ตามกองทุนรวมตลาดเงินโดยส่วนใหญ่มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่ค่อยจะประสบปัญหาขาดทุน นอกจากจะเกิดสภาวะผิดปกติขึ้นในตลาด เช่นอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว หรือกองทุนถูกไถ่ถอนอย่างต่อเนื่องจากภาวะการขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ดังนั้นความมีระเบียบวินัยในกระบวนการลงทุนของผู้จัดการกองทุน ที่จะสามารถบริหารกองทุนเพื่อที่จะดำรงเงินต้น ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมีสภาพคล่องสูง จึงมีความสำคัญมากสำหรับกองทุนประเภทนี้
การที่นักลงทุนจะคัดเลือกกองทุนรวมตลาดเงิน อันดับแรกควรศึกษาหนังสือชี้ชวนของแต่ละกองทุนว่ามีนโยบายการลงทุนอย่างไร กองทุนรวมตลาดเงินจะมีการระบุนโยบายไว้อย่างชัดเจนว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ควรสอบถามนโยบายประเภทตราสารหนี้ที่กองทุนเน้นลงทุน นโยบายการกระจายความเสี่ยงของกองทุน รวมทั้งอายุเฉลี่ยของตราสารในกองทุน
กองทุนรวมตลาดเงินเป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง โดยส่วนใหญ่สามารถไถ่ถอนได้ทุกวันทำการ โดยทั่วไปนักลงทุนจะใช้กองทุนรวมตลาดเงินเป็นที่พักเงินที่ยังไม่ได้นำไปลงทุนประเภทอื่น ปัจจุบันมีการผูกบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ไว้กับกองทุนรวมตลาดเงินแทนบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารเนื่องจากได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ต้องขอบคุณบลจ.ทหารไทย ด้วยนะครับ สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามเเละยินดีจะเป็นสื่อกลางระหว่างท่านผู้อ่าน เเละบลจ.ครับ
ตอบ - เจ้าหน้าที่จากสมาคมบลจ.ได้ตอบคำถามไว้ดังนี้ครับ ถ้าจะเริ่มต้นด้วยวัถตุประสงค์ที่จะลงทุนไม่ให้เกิดการขาดทุนเลยนั้น คงจะให้คำตอบที่สำเร็จรูปไม่ได้แล้วครับ แม้แต่การฝากเงินกับธนาคารก็ได้มี พรบ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งจะเริ่มใช้บังคับตั้งแต่ 12 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป ก็จะทำให้ผู้ฝากเงินจะได้รับการคุ้นครองเงินฝากตามสัดส่วนและมูลค่าที่กำหนดไว้ใน พรบ. ดังกล่าว คือ ในปีแรกยังคุ้มครองให้ทั้งจำนวนที่ฝาก ในปีที่ 2 จะคุ้มครองให้ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร ในปีที่ 3 จะคุ้มครองให้ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร ในปีที่ 4 จะคุ้มครองให้ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร และตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไปจะคุ้มครองให้ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร
อย่างไรก็ดี การลงทุนในตราสารการเงินใดๆ ที่มีการค้ำประกันโดยบุคคลที่ 3 เพิ่มขึ้น เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ กองทุนรวมตราสารหนี้ภาครัฐ รวมถึงกองทุนรวมแบบมีประกัน (ซึ่งปัจจุบันไม่มีกองทุนประเภทนี้เสนอขายต่อผู้ลงทุน) ก็จะทำให้ผู้ลงทุนมีความเสี่ยงที่ลดลง โดยถ้าบุคคลที่ 3 ดังกล่าวเป็นรัฐบาลความเสี่ยงก็จะต่ำกว่าบุคคลอื่นค้ำประกันครับ ส่วนการลงทุนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีการค้ำประกันโดยบุคคลที่ 3 โอกาสที่จะได้กำไรและขาดทุนก็จะเป็นไปตามลักษณะของตราสารหรือรูปแบบในการลงทุนนั้นๆ ด้วย
ซึ่งทีมงานคอลัมน์ Q&A อยากเเนะนำให้คุณ สนใจอยากลงทุน รู้จักกับกองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนมันนี่มาร์เก็ต ที่ให้ผลตอบเเทนที่ดี ความเสี่ยงน้อยอีกด้วย โดยกองทุนดังกล่าว กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) คือการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ตราสารประเภทนี้ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน เงินฝากธนาคาร และอื่นๆ วัตถุประสงค์หลักของกองทุนรวมตลาดเงินคือการรักษาเงินต้น ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมีสภาพคล่องสูง โดยส่วนใหญ่ผลตอบแทนจะดีกว่าเงินฝากธนาคาร จึงถือได้ว่าเป็นกองทุนรวมประเภทที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ แต่การลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินไม่ใช่การลงทุนระยะยาว เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนไม่สามารถชนะเงินเฟ้อได้ แตกต่างจากการลงทุนในกองทุนหุ้น หรือการลงทุนประเภทอื่นที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
วิธีการลงทุนของกองทุนรวมตลาดเงินคือการนำเงินไปลงทุนในตราสารตลาดเงิน ผลตอบแทนส่วนใหญ่ที่กองทุนจะได้รับคือดอกเบี้ย กำไรหรือขาดทุนจากการขายตราสาร และกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคาตราสารที่กองทุนถืออยู่ จึงเห็นได้ว่าความผันผวนของผลตอบแทนของกองทุน ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้จัดการกองทุนในการคัดเลือกประเภทและอายุตราสาร รวมถึงการจัดการสภาพคล่องของกองทุนให้เหมาะสมผลตอบแทนจากการลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จะถูกรวมอยู่ในมูลค่าหน่วยลงทุน(NAV) สำหรับกองทุนรวมตลาดเงิน โดยส่วนใหญ่จะไม่มีการจ่ายผลตอบแทนออกมาในรูปเงินปันผล เนื่องจากต้องมีการจ่ายภาษีบนเงินปันผล
ถึงแม้ว่าการลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน เป็นการลงทุนที่เรียกได้ว่ามีความเสี่ยงต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น แต่ก็มีความเสี่ยงที่ควรทราบดังต่อไปนี้ กองทุนรวมตลาดเงินเป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ราคามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ เนื่องจากมี กำไรหรือขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารที่ขายออกไป และกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคาตราสารที่ถืออยู่ในกองทุนด้วย ไม่ได้มีเฉพาะรายได้ที่อยู่ในรูปดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว และแต่ละกองทุนก็มีนโยบายในการลงทุนในตราสารหนี้ที่ต่างประเภทกัน บางกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐบาล และ ภาคธนาคาร ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำซึ่งผลตอบแทนก็จะสอดคล้องกับความเสี่ยง ในขณะที่บางกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น ซึ่งได้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตราสารภาครัฐ และธนาคารแต่ความเสี่ยงก็ย่อมสูงสอดคล้องกับผลตอบแทนเช่นกัน นอกจากประเภทตราสารที่กองทุนเน้นลงทุน อายุของตราสารที่อยู่ในกองทุนก็มีความสำคัญ
โดยส่วนใหญ่เราจะดูได้จากอายุเฉลี่ยของตราสารในกองทุน ( Weighted Average Maturity “WAM”) ซึ่งควรจะต้องมีการเปิดเผยเป็นรายเดือน อายุของตราสารจะมีความสัมพันธ์กับความผันผวนของผลตอบแทนเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่นกองทุนลงทุนในตราสารตลาดเงินอายุค่อนข้างยาว ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นก็อาจทำให้ผลตอบแทนลดลงได้ อย่างไรก็ตามกองทุนรวมตลาดเงินโดยส่วนใหญ่มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่ค่อยจะประสบปัญหาขาดทุน นอกจากจะเกิดสภาวะผิดปกติขึ้นในตลาด เช่นอัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว หรือกองทุนถูกไถ่ถอนอย่างต่อเนื่องจากภาวะการขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ดังนั้นความมีระเบียบวินัยในกระบวนการลงทุนของผู้จัดการกองทุน ที่จะสามารถบริหารกองทุนเพื่อที่จะดำรงเงินต้น ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมีสภาพคล่องสูง จึงมีความสำคัญมากสำหรับกองทุนประเภทนี้
การที่นักลงทุนจะคัดเลือกกองทุนรวมตลาดเงิน อันดับแรกควรศึกษาหนังสือชี้ชวนของแต่ละกองทุนว่ามีนโยบายการลงทุนอย่างไร กองทุนรวมตลาดเงินจะมีการระบุนโยบายไว้อย่างชัดเจนว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ควรสอบถามนโยบายประเภทตราสารหนี้ที่กองทุนเน้นลงทุน นโยบายการกระจายความเสี่ยงของกองทุน รวมทั้งอายุเฉลี่ยของตราสารในกองทุน
กองทุนรวมตลาดเงินเป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูง โดยส่วนใหญ่สามารถไถ่ถอนได้ทุกวันทำการ โดยทั่วไปนักลงทุนจะใช้กองทุนรวมตลาดเงินเป็นที่พักเงินที่ยังไม่ได้นำไปลงทุนประเภทอื่น ปัจจุบันมีการผูกบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ไว้กับกองทุนรวมตลาดเงินแทนบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารเนื่องจากได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ต้องขอบคุณบลจ.ทหารไทย ด้วยนะครับ สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามเเละยินดีจะเป็นสื่อกลางระหว่างท่านผู้อ่าน เเละบลจ.ครับ