ต้นกล้าเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าเซ็งๆ…วันนี้ เขาไม่มีอารมณ์เล่นกับข้าวต้มมัด ถึงแม้มันจะวิ่งออกไปรับที่หน้าบ้าน และพยายามหนักหนาที่จะเล่นด้วย สุดท้ายพอต้นกล้าเดินเข้าไปในบ้าน มันก็ได้แต่นั่งมองจากข้างหลัง...
ต้นกล้าหยุดอยู่หน้าประตูบ้าน เขาหันกลับมาหาข้าวต้มมัด เจ้าหมาเห็นดังนั้น ก็ลุกขึ้น ส่งเสี่ยงร้องที่แสดงออกถึงความดีใจ พร้อมทั้งกระดิกหางไปมาเป็นการใหญ่ มันคิดว่าเดี๋ยวเจ้านายมันคงจะกลับมาเล่นกันมัน
“โทษทีนะข้าวต้มมัด วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์เล่นกับแก” พูดจบต้นกล้าก็หันหลังเดินเข้าบ้านไป...ส่วนเจ้าข้าวต้มมัด ก็หมอบลงอยู่ตรงนั้น
“กลับมาแล้วครับแม่”น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความเซ็งอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมทำเสียงเซ็งกะตายแบบนั้นละลูก” คุณนายสุขใจทักทายลูกในขณะที่กำลังง่วนอยู่ในครัว
“เฮ้ออออออ...” ต้นกล้าถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา...เขามักจะทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่มีเรื่องกวนใจ
คุณนายสุขใจวางมือจากทำอาหารแล้วเดินตรงมาที่ต้นกล้า เธอนั่งลงข้างๆ เขา “อะไรน้าที่ทำให้ลูกของแม่เซ็งได้ถึงขนาดนี้”
“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ ช่วงนี้เบื่อๆ เซ็งๆ ที่ทำงานนิดหน่อยนะครับแม่”
“มีปัญหาอะไรเหรอลูก”
“ก็ช่วงนี้ซิครับแม่ ลูกค้าไม่ค่อยมีเลย เพราะส่วนใหญ่แห่ไปฝากเงินกันหมดเลย”
“ก็เล่นให้ดอกเบี้ยจูงใจซะขนาดนั้น จะไม่ให้คนแห่ไปฝากได้ไงละ แม่เองก็ยังอยากไปฝากเลย เพราะถึงยังไงตอนนี้ เขาก็ยังคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนอยู่...ใช่ไหมลูก” คุณนายสุขใจหันไปถามลูกเพื่อความแน่ใจ
“ครับแม่”
“เอาน้า...อย่าเพิ่งเซ็งไปเลยลูก อีกเดี๋ยวถ้ากองทุนของลูกมีลูกเล่นอะไรใหม่ที่ความเสี่ยงต่ำๆ ให้ผลตอบแทนดีๆ ถึงเวลานั้น เดี๋ยวคนเขาก็โยกกลับไปลงทุนในกองทุนรวมเองแหละ”
“ก้อไม่ซีเรียสอะไรมากหรอกครับแม่ แต่ว่ามันว่างนะครับ ก็เลยรู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ เท่านั้นเอง...ว่าแต่วันนี้ แม่ทำกับข้าวอะไรแก้เซ็งบ้างครับ” ต้นกล้าส่งยิ้มแบบอ้อนๆ ให้คุณนายสุขใจ
“พูดถึงเรื่องกินทีไรเป็นลืมเรื่องทุกข์ทุกทีเชียวเรา…งั้นแม่ไปกับข้าวต่อนะ”
“ครับผม...เดี๋ยวต้นก็จะขึ้นไปบ้างบนเหมือนกัน”
**********************
“กลับมาแล้วกระปุก” ต้นกล้าเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอีกรอบ...และด้วยความเซ็งนี่เอง เขาได้ทำอะไรบางอย่างพลาดไป...ประตูห้องแง้มอยู่ มันพอที่จะทำให้เสียงภายในห้องเล็ดลอดออกไปได้
“ฟังน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงออก...สงสัยคงจะเซ็งจริงๆ” กระปุกเองก็ไม่เอะใจ
“แอะ...นาย...”
“ฉันได้ยินนายคุยกับแม่”
“นี่แอบฟังเหรอ”
“บ้านเราก็ไม่ได้กว้างขวางอะไร นายคิดว่าฉันจะไม่ได้ยินเลยเหรอ...?”
“เฮ้อออออ...ฉันอุตสาห์หายเซ็งแล้วน๊า...นายยังมาถามย้ำให้กลับมาเซ็งอีกซะงั้น”
“จะเซ็งอะไรหนักหนา ไม่ดีเหรอได้พักบ้าง เห็นลูกค้าเยอะทีไรนายก็บ่นว่างานยุ่งทุกที”
“คราบบบบบ...” พูดจบต้นกล้าก็ลุกพรวดขึ้นมา เขาขยับไปนั่งริมขอบเตียง “กระปุกว่า ช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากสูงๆ แบบนี้ กองทุนประเภทไหนน่าจะดึงความสนใจจากนักลงทุนกลับมาได้”
“เล่นถามซะยากเลยนะนายเนี้ยะ...” ถึงแม้กระปุกจะพูดออกไปว่าเป็นคำถามที่ยาก แต่เขาก็มีคำตอบอยู่ในหัวอยู่แล้ว “จริงๆ แล้วช่วงที่การลงทุนในหุ้นผันผวนหนักเช่นนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ ย่อมน่าสนใจกว่าอยู่แล้ว และด้วยความเสี่ยงที่ไม่สูงมากนัก อีกทั้งผลตอบแทนก็ไม่ห่างกันมากนัก ซึ่งการที่กองทุนรวมยังมีแต้มต่อที่ไม่ต้องเสียภาษี 15% เหมือนเงินฝาก ก็น่าจะเป็นอะไรที่ดึงความสนใจได้นะ”
“จะว่าไปแล้วตอนนี้ มีกองทุนตราสารหนี้ออกมาค่อนข้างเยอะเหมือนกันนะ โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ในประเทศและกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ...แล้วแบบนี้ นายว่าอันไหนมันจะน่าสนใจกว่ากันละ”
“กะไว้แล้วนายต้องถามกลับมาแบบนี้” กระปุกคิดในใจ “จะว่าไปแล้ว ตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ย่อมมีความเสี่ยงที่ต่างกันอยู่แล้ว...ตราสารหนี้ในประเทศเองอาจจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า รวมถึงมีเครดิตเรตติ้งที่สูงกว่าด้วย แต่การที่ต้องแลกเงินจากเงินบาทเป็นเงินสกุลของประเทศนั้นๆ ทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน แต่ปัจจุบัน หลังจากหักต้นทุนเรื่องค่าเงินแล้ว ในบางประเทศยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า...ส่วนตราสารหนี้ในประเทศ ความน่าสนใจอยู่ที่ผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน ถึงแม้ผลตอบแทนจะไม่สูงอย่างในต่างประเทศ แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก”
“แล้วกองทุนประเภทสตรักเจอร์โน้ตละ...น่าสนใจไหม”
“ความน่าสนใจของกองทุนประเภทนี้ จะอยู่ที่การคุ้มครองเงินต้นเป็นหลัก...ทำให้โอกาสที่เงินต้นของนักลงทุนจะสูญหายไปไม่มี เพราะส่วนใหญ่จะคุ้มครอง 100%...ส่วนในแง่ผลตอบแทน ความน่าสนใจจะอยู่ที่โอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น หากการลงทุนเป็นไปตามเงื่อนไขของกองทุนนั้น เช่น กองทุน A ลิ้งก์กับการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่กองทุนกำหนด ผู้ลงทุนก็จะได้ผลตอบแทนพิเศษไป เป็นต้น...และความน่าสนใจอีกอย่างของกองทุนประเภทนี้ อยู่ที่สินทรัพย์ที่กองทุนไปลิ้งก์หรืออ้างอิงการเปลี่ยนแปลง ถ้าหากเลือกสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ความน่าสนใจก็จะเพิ่มขึ้น” กระปุกอธิบาย
“เฮ้ออออ...ฟังแล้วก็น่าสนใจหมดนะ แต่ว่าตอนนี้ถ้าจะไปสู้กับกระแสดอกเบี้ยเงินฝากคงลำบาก”
“เอาน๊า...เดี๋ยวพอกระแสนี้ซาลง เชื่อว่ากองทุนตราสารหนี้ น่าจะได้รับความสนใจอีกครั้ง เพราะไม่ต่างจากเงินฝากมากสักเท่าไหร่” กระปุกพูดปลอบใจ “แล้วยิ่งหากตลาดหุ้นดีๆ นะ ฉันเชื่อว่าคนก็จะเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้นเองนั่นแหละ...ช่วงนี้ อะไรหลายๆ อย่างมันไม่เอื้อเท่าไหร่ ก็คงต้องปล่อยไปก่อน”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอย่างออกรด อยู่ประตูห้องก็เปิดออก ทั้งสองหันควับไปที่ประตูทันที...และภาพที่ทั้งสองเห็นอยู่ต่อหน้า คือ คุณนายสุขใจที่กำลังยืนตัวแข็งอยู่หน้าห้อง
แน่นอนว่าเธอตกใจกับภาพที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก...เธอคิดในใจว่า “สิ่งที่ลูกเราพูดตั้งแต่เขายังเป็นเด็กมันเป็นความจริงหรือนี่”
...อ่านต่อฉบับวันจันทร์หน้า