บลจ.เชื่อต้นไตรมาส 4 อุตสาหกรรมกองทันรวมฟื้นตัว หลังแบงก์พาณิชย์หยุดโหมออกแคมเปญเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ และประชาชนเริ่มมีความรู้มากขึ้นจากการบังคับะพ.ร.บ.เงินฝาก ชี้บางค่ายเล็งสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ เน้นระยะเวลา – ความเสี่ยงเท่าเงินฝาก แต่รีเทิร์นสูงกว่า ขณะที่บางแห่งยังรอสัญญาณฟื้นตัวก่อนปรับแผนเป็นเชิงรุก อย่างไรก็ตามต้องจับตาดูมติกนง.ในครั้งหน้า ที่อาจมีผลต่อผลตอบแทนกองทุน
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ยูโอบี จำกัด กล่าวถึงการเติบโตของภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมตั้งแต่ต้นปี 2551 มาจนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ในภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมตลอด 7 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตประมาณ 2% ซึ่งลดลงจากอัตราการเติบโตในช่วงโตเมื่อปี 2550 ที่มีการขยายตัวถึงประมาณ 20% เพราะช่วงนั้นส่วนหนึ่งการแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ไม่ดุเดือดเหมือนในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนในช่วงนี้จะไม่มีการปรับตัวลดลง แต่จะอยู่ในภาพทรงตัว หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อย ซึ่งเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 – 3 เดือน
ส่วนสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอุตสหกรรมกองทุนรวมจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกเมื่อไรนั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี ระบุว่า ให้มองที่1.การแข่งขันด้านเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่จะมีการชะลอตัวลงในอนาคต และสัญญาณที่2.ความตื่นตัวของผู้ฝากเงินจากพ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก ในแง่ของช่องทางการลงทุนใหม่ ซึ่งจะมีเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จากการรับรู้ข่าวสารข้อมูลในสื่อต่างๆ รวมถึงความตื่นตัวในการมองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำใกล้เคียงกับฝากเงินในธนาคาร ซึ่งจะเริ่มมีให้เห็นในช่วงปลายไตรมาส 3 ปีนี้
โดยในส่วนของบลจ.ยูโอบี นั้น บริษัทยังคงเน้นและให้ความสำคัญกับ กองทุนเปิดยูโอบี ชัว เดลี่ (UOBSD) เพราะกองทุนนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการหาการลงทุนในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากการฝากเงินผ่านธนาคาร โดยเฉพาะหลังพ.ร.บ.สถาบันเงินฝากมีผลบังคับใช้แล้ว และบริษัทจะเริ่มทำการโรดโชว์กองทุนดังกล่าวทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมนั้น คาดว่าในช่วงนี้จะมีเม็ดเงินเข้ามาน้อยลง จากการแข่งขันด้านดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ และจะต้องจับตาดูมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในครั้งหน้า เพราะหากมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วจะส่งผลต่ออุตหสากรรมกองทุนรวมเช่นกัน โดยบริษัทอาจต้องปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจ หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงต้องรอดูท่าทีในด้านการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ไปอีก 2- 3 เดือนก่อนสรุปผล ซึ่งจะส่งผลให้โดยรวมอุตสาหกรรมกองทุนจะอยู่ในระดับทรงตัว
ส่วนตัวยังเชื่อว่าธุรกิจอุตสาหกรรมกองทุนรวมจะสามารถเข้าไปแข่งขัน และแย่งชิงเม็ดเงินจากระบบเงินฝากออกได้ โดยเฉพาะข้อดีในเรื่องของอัตราผลตอบแทนที่มีอยู่สูงกว่า รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ก็ไม่มีความจำป็นต้องจัดตั้งกองทุนออกมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับเรื่องดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่แทบทุกบลจ.ล้วนมีสินค้าที่รองรับความต้องการของลูกค้าครบุกด้านอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยทำให้กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และกองทุนคุ้มครองเงินต้นได้รับความสนใจจากผู้ฝากเงิน ที่ไม่นิยมความเสี่ยงจากการลงทุน และต้องการได้รับการคุ้มครองเงินของตนเองเต็มจำนวน
ด้านนายกัมพล จันทรวิบูลย์ ผู้จัดการกองทุน บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า คนส่วนใหญ่นิยมที่จะนำเงินไปฝากธนาคารมากกว่าที่จะนำเงินมาลงทุนในกองทุน ดังนั้นการที่จะทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในกองทุนได้ จึงจำเป็นที่จะต้องจัดหากองทุนที่ลงทุนโดยที่มีความเสี่ยงและระยะเวลาเท่ากับการฝากธนาคารแต่สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าธนาคารเพื่อเป็นทางเลือกที่แตกต่างให้กับนักลงทุน ซึ่งการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมาจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย
โดย สาเหตุที่ธนาคารหันมาปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เนื่องมาจากแบงก์ต้องการระดมเงินทุนเพื่อนำไปลงทุน ซึ่งวิธีที่สามารถระดมเงินได้รวดเร็วคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 3.8-4.8 %เพื่อจูงใจให้นักลงทุนนำเงินทุนไปฝากยังธนาคาร จึงทำให้เงินที่จะไหลจากธุรกิจกองทุนไหลไปอยู่ที่ธนาคารสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารได้ระดมเงินฝากจากนักลงทุนทั่วไปอาจจะทำไปเพื่อรักษาสภาพคล่อง ซึ่งจะเป็นเพียงในช่วงระยะเวลาสั้นเท่านั้น
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ธนชาต กล่าวว่า สำหรับการที่ธนาคารออกโปรโมชั่นเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝาก ถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการแข่งขันทางการตลาดมากกว่า เพราะการที่ธนาคารได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะอยากที่จะระดมเงินฝากเพื่อนำไปทำธุรกิจของธนาคาร ทั้งนี้ เมื่อธนาคารสามารถที่จะระดมเงินฝากได้ตามที่ต้องการก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเท่าเดิม อีกทั้ง เมื่อกองทุนลงทุนในพันธบัตรแล้วได้ดอกเบี้ยน้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก นักลงทุนจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกที่จะนำเงินไปฝากธนาคารที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และโดยธรรมชาติของลูกค้าเลือกนำเงินไปฝากธนาคารมากกว่าที่จะนำเงินมาลงทุนในกองทุน ซึ่งเมื่อเทียบถึงอัตราความเสี่ยงการลงทุนในกองทุนถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่าการนำเงินไปฝากธนาคาร
อย่างไรก็ตาม หาก บลจ.ต้องการที่จะดึงนักลงทุนที่นำเงินกลับมานั้น จะต้องหากองทุนที่สามารถให้รีเทิร์นสูงเพื่อดึงลูกค้ากลับคืนมาจากธนาคาร ภายใต้ระยะเวลาและความเสี่ยงที่เท่ากัน จึงจะทำให้นักลงทุนนำเงินกลับมาลงทุนในกองทุนดังเดิม
รายงานแจ้งว่า จากการสอบถามผู้จัดการกองทุนในหลายๆบริษัทพบว่า บางแห่งจะยังไม่มีการดำเนินการด้านแผนการตลาดเพิ่มเติมในช่วงนี้ เพื่อแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ เพราะมองว่าเป็นเรื่องที่ยาก และจะต้องใช้งบประมาณอีกทั้งหากตั้งกองทุรนใหม่มาแก้ไข อาจจะได้รับค่าบริหารที่ต่ำกว่าทั่วไป เนื่องจากต้นทุนผลตอบแทนจะถูกดอนไปให้กับลูกค้ามากกว่า ขณะที่บางบริษัทมีแผนที่จะจัดกองทุนที่มีสินค้าใกล้เคียงเงินฝาก แต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าออกมาแข่งขัน โดยเฉพาะ บลจ.ที่ไม่มีธนาคารเป็นผู้ถือหุ้น เนื่องจากมองว่าจะเป็นโอกาสดีในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของตน
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ยูโอบี จำกัด กล่าวถึงการเติบโตของภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมตั้งแต่ต้นปี 2551 มาจนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ในภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมตลอด 7 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตประมาณ 2% ซึ่งลดลงจากอัตราการเติบโตในช่วงโตเมื่อปี 2550 ที่มีการขยายตัวถึงประมาณ 20% เพราะช่วงนั้นส่วนหนึ่งการแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ไม่ดุเดือดเหมือนในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนในช่วงนี้จะไม่มีการปรับตัวลดลง แต่จะอยู่ในภาพทรงตัว หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อย ซึ่งเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 – 3 เดือน
ส่วนสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอุตสหกรรมกองทุนรวมจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกเมื่อไรนั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี ระบุว่า ให้มองที่1.การแข่งขันด้านเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่จะมีการชะลอตัวลงในอนาคต และสัญญาณที่2.ความตื่นตัวของผู้ฝากเงินจากพ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก ในแง่ของช่องทางการลงทุนใหม่ ซึ่งจะมีเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จากการรับรู้ข่าวสารข้อมูลในสื่อต่างๆ รวมถึงความตื่นตัวในการมองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำใกล้เคียงกับฝากเงินในธนาคาร ซึ่งจะเริ่มมีให้เห็นในช่วงปลายไตรมาส 3 ปีนี้
โดยในส่วนของบลจ.ยูโอบี นั้น บริษัทยังคงเน้นและให้ความสำคัญกับ กองทุนเปิดยูโอบี ชัว เดลี่ (UOBSD) เพราะกองทุนนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการหาการลงทุนในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากการฝากเงินผ่านธนาคาร โดยเฉพาะหลังพ.ร.บ.สถาบันเงินฝากมีผลบังคับใช้แล้ว และบริษัทจะเริ่มทำการโรดโชว์กองทุนดังกล่าวทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมนั้น คาดว่าในช่วงนี้จะมีเม็ดเงินเข้ามาน้อยลง จากการแข่งขันด้านดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ และจะต้องจับตาดูมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในครั้งหน้า เพราะหากมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วจะส่งผลต่ออุตหสากรรมกองทุนรวมเช่นกัน โดยบริษัทอาจต้องปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจ หากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงต้องรอดูท่าทีในด้านการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ไปอีก 2- 3 เดือนก่อนสรุปผล ซึ่งจะส่งผลให้โดยรวมอุตสาหกรรมกองทุนจะอยู่ในระดับทรงตัว
ส่วนตัวยังเชื่อว่าธุรกิจอุตสาหกรรมกองทุนรวมจะสามารถเข้าไปแข่งขัน และแย่งชิงเม็ดเงินจากระบบเงินฝากออกได้ โดยเฉพาะข้อดีในเรื่องของอัตราผลตอบแทนที่มีอยู่สูงกว่า รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ก็ไม่มีความจำป็นต้องจัดตั้งกองทุนออกมาเป็นพิเศษเพื่อรองรับเรื่องดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่แทบทุกบลจ.ล้วนมีสินค้าที่รองรับความต้องการของลูกค้าครบุกด้านอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยทำให้กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และกองทุนคุ้มครองเงินต้นได้รับความสนใจจากผู้ฝากเงิน ที่ไม่นิยมความเสี่ยงจากการลงทุน และต้องการได้รับการคุ้มครองเงินของตนเองเต็มจำนวน
ด้านนายกัมพล จันทรวิบูลย์ ผู้จัดการกองทุน บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า คนส่วนใหญ่นิยมที่จะนำเงินไปฝากธนาคารมากกว่าที่จะนำเงินมาลงทุนในกองทุน ดังนั้นการที่จะทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในกองทุนได้ จึงจำเป็นที่จะต้องจัดหากองทุนที่ลงทุนโดยที่มีความเสี่ยงและระยะเวลาเท่ากับการฝากธนาคารแต่สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าธนาคารเพื่อเป็นทางเลือกที่แตกต่างให้กับนักลงทุน ซึ่งการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมาจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย
โดย สาเหตุที่ธนาคารหันมาปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เนื่องมาจากแบงก์ต้องการระดมเงินทุนเพื่อนำไปลงทุน ซึ่งวิธีที่สามารถระดมเงินได้รวดเร็วคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 3.8-4.8 %เพื่อจูงใจให้นักลงทุนนำเงินทุนไปฝากยังธนาคาร จึงทำให้เงินที่จะไหลจากธุรกิจกองทุนไหลไปอยู่ที่ธนาคารสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารได้ระดมเงินฝากจากนักลงทุนทั่วไปอาจจะทำไปเพื่อรักษาสภาพคล่อง ซึ่งจะเป็นเพียงในช่วงระยะเวลาสั้นเท่านั้น
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ธนชาต กล่าวว่า สำหรับการที่ธนาคารออกโปรโมชั่นเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝาก ถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการแข่งขันทางการตลาดมากกว่า เพราะการที่ธนาคารได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะอยากที่จะระดมเงินฝากเพื่อนำไปทำธุรกิจของธนาคาร ทั้งนี้ เมื่อธนาคารสามารถที่จะระดมเงินฝากได้ตามที่ต้องการก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเท่าเดิม อีกทั้ง เมื่อกองทุนลงทุนในพันธบัตรแล้วได้ดอกเบี้ยน้อยกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก นักลงทุนจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกที่จะนำเงินไปฝากธนาคารที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และโดยธรรมชาติของลูกค้าเลือกนำเงินไปฝากธนาคารมากกว่าที่จะนำเงินมาลงทุนในกองทุน ซึ่งเมื่อเทียบถึงอัตราความเสี่ยงการลงทุนในกองทุนถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่าการนำเงินไปฝากธนาคาร
อย่างไรก็ตาม หาก บลจ.ต้องการที่จะดึงนักลงทุนที่นำเงินกลับมานั้น จะต้องหากองทุนที่สามารถให้รีเทิร์นสูงเพื่อดึงลูกค้ากลับคืนมาจากธนาคาร ภายใต้ระยะเวลาและความเสี่ยงที่เท่ากัน จึงจะทำให้นักลงทุนนำเงินกลับมาลงทุนในกองทุนดังเดิม
รายงานแจ้งว่า จากการสอบถามผู้จัดการกองทุนในหลายๆบริษัทพบว่า บางแห่งจะยังไม่มีการดำเนินการด้านแผนการตลาดเพิ่มเติมในช่วงนี้ เพื่อแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ เพราะมองว่าเป็นเรื่องที่ยาก และจะต้องใช้งบประมาณอีกทั้งหากตั้งกองทุรนใหม่มาแก้ไข อาจจะได้รับค่าบริหารที่ต่ำกว่าทั่วไป เนื่องจากต้นทุนผลตอบแทนจะถูกดอนไปให้กับลูกค้ามากกว่า ขณะที่บางบริษัทมีแผนที่จะจัดกองทุนที่มีสินค้าใกล้เคียงเงินฝาก แต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าออกมาแข่งขัน โดยเฉพาะ บลจ.ที่ไม่มีธนาคารเป็นผู้ถือหุ้น เนื่องจากมองว่าจะเป็นโอกาสดีในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของตน
