สงครามรัสเซียทำยอดขายกอง I-BRIC ฝืด ปิดไอพีโอระดมทุนได้ประมาณ 60 ล้านบาท “พิชิต” เผยเป็นกลุ่มประเทศที่น่าสนใจลงทุน หลังราคาหุ้นดิ่ง แต่ภาวะไม่เอื้อ ระบุแนวโน้มการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วกระทบยอดขายบ้าง แต่เตรียมกองอสังหาฯ พร้อมลุยงานด้านที่ปรึกษาโครงการภาครัฐ เสริมรายได้
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทเปิดขายกองทุนรวมเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล บริค รีคัฟเวอรี่ หรือ I-BRIC Recovery ไม่ระหว่างวันที่ 4-13 สิงหาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าสามารถระดมทุนประมาณ 60 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุที่นักลงทุนให้ความสนใจค่อนข้างน้อย เนื่องจากภาวะการลงทุนในปัจจุบันไม่ค่อยเอื้อเท่าไหร่ นอกเหนือจากนั้น ยังมีเหตุการณ์สงครามเกิดขึ้นระหว่างประเทศรัสเซียและจอร์เจีย ซึ่งหนึ่งในประเทศที่กองทุนเข้าไปลงทุนด้วย
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงโอกาสการลงทุนในช่วงนี้ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว เนื่องจากตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศ BRIC เหล่านี้ปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งการชะลอการลงทุนส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ของตลาด
“ตอนนี้จังหวะการลงทุนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งช่วงนี้เองก็มีเหตุการณ์สงครามที่รัสเซียด้วย ทำให้การลงทุนค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม หากมองถึงโอกาสการลงทุนแล้ว ถือเป็นน่าสนใจเนื่องจากราคาปรับลดลงไปค่อนข้างเยอะ เพียวแต่ภาวะไม่เอื้อเท่านั้น ซึ่งกองทุน I-BRIC เองเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองว่าตลาดในกลุ่มประเทศเหล่านี้จะปรับตัวขึ้นในปีหน้า หลังจากลงมาหนักมาในช่วงที่ผ่านมา ”นายพิชิตกล่าว
สำหรับกองทุนรวมเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล บริค รีคัฟเวอรี่ มีอายุโครงการ 1 ปี เน้นลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีของประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดียและจีน หรือกลุ่ม BRIC ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ยังคงมีอัตราการเติบโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศในแถบภูมิภาคอื่นๆ แม้ในช่วงนี้ตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศดังกล่าวจะปรับตัวลดลง แต่ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการเข้าลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวตั้งเป้าหมายผลตอบแทนที่ร้อยละ 10
โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนตามสภาวการณ์ตลาดได้ทันท่วงที นอกจากนี้กองทุนยังมีความยืดหยุ่นสูง โดยสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้เมื่อคาดว่าราคาหลักทรัพย์มีแนวโน้มจะลดลง และมีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามภาวะของตลาดอีกด้วย
ทั้งนี้ เงื่อนไขของกองทุนรวม I-BRIC Recovery จะเลิกกองทุนทันทีไม่ต้องรอครบอายุกองทุน เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 11.30 บาท เป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกัน หรือทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดทั้งหมดในสกุลเงินบาท ณ วันทำการใดๆ และมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 11 บาท หรืออีกนัยหนึ่งคือเลิกกองทุนเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินทุน ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนรายย่อยจะได้รับการยกเว้นภาษีของกำไรส่วนเกินมูลค่าหน่วยลงทุน
นายพิชิตกล่าวต่อว่า ในปีนี้ภาวะการลงทุนค่อนข้างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วพอสมควร หลายเหตุการณ์ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแผนการระดมทุนของบริษัทบ้าง แต่ก็เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี ดังนั้น นอกจากกองทุนต่างประเทศแล้ว บริษัทได้ให้ความสำคัญกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) เอาไว้ด้วย เพราะกองทุนดังกล่าวมีผลดีทั้งต่อลูกค้าและบริษัทเองด้วย นอกจากผลตอบแทนจะสูงแล้วยังคงที่ไม่ผันผวนเหมือนการลงทุนในหุ้น
ขณะเดียวกัน การลงทุนอีกรูปแบบที่บลจ.เอ็มเอฟซี ให้ความสำคัญ คือ การเป็นที่ปรึกษาให้กับโครงการการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งส่วนหนึ่งรวมถึงโครงการลงทุนโครงการพื้นฐาน (เมกะโปรเจกต์) ของรัฐบาลด้วย ซึ่งการเป็นที่ปรึกษาดังกล่าวจะมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้ของบริษัทในแง่ค่าบริหารจัดการทางด้าน FA ได้ด้วย ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ น่าจะสามารถชดเชยในส่วนอื่นได้