บลจ.กสิกรไทยมั่นใจเศรษฐกิจมังกรโตต่อเนื่อง ส่งกอง "เค หยวน ลิงก์ 1" ให้ผลตอบแทนอิงค่าเงินหยวน ลงทุน 1 ปี คาดยิวด์สวยตั้งแต่ 1.5-5.5% ชี้ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาค่าเงินจีนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ต่อเนื่อง แถมปัจจัยหนุนจากโอลิมปิกดันท่องเที่ยว-เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
นางเสาวณีย์ ศรีสุวรรณกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิดเค หยวน ลิงก์ 1 ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี แต่ไม่เกิน 13 เดือน โดยมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ในระหว่างวันที่ 14-22 สิงหาคมนี้
สำหรับกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยลงทุนในตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในสองอันดับแรก รวมถึงตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Notes) ที่มีเงื่อนไขที่จะชำระเงินต้นคืนเต็มจำนวนในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ กองทุนมีนโยบายจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของเงินต้นและผลตอบแทนขั้นต่ำทั้งจำนวน แต่อาจไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของผลตอบแทนขั้นสูง ดังนั้นผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบขั้นสูงที่ผันแปรอัตราแลกเปลี่ยน
นางเสาวณีย์ กล่าวอีกว่า อัตราผลตอบแทนของกองทุนจะอ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินหยวนกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะคำนวณและตรวจสอบเดือนละครั้ง หากค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ น้อยกว่า 9 เดือนจาก 12 เดือน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสุทธิขั้นต่ำประมาณ 1.50% แต่หากเงินหยวนแข็งค่าขึ้นตั้งแต่ 9 เดือน จาก 12 เดือน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสุทธิขั้นสูงประมาณ 5.50%
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอื่นๆ ทั่วโลก จะเห็นได้จากตัวเลขกระแสเงินสดและเงินสำรองอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่า 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมากเป็นอันดับ 1 ของโลก
“จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจระหว่างเดือนกรกฎาคม 2548- มิถุนายน 2551 โอกาสที่ค่าเงินหยวนจะแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ มีถึง 95% หรือ 11.4 เดือน จาก 12 เดือน”นางเสวนีย์กล่าว
ด้านบทวิจัยจากศูนย์วิจัย กสิกรไทย ระบุว่า ปัจจุบันธุรกิจท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศจีนทั้งจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศและจากต่างประเทศ ซึ่งจากการเปิดเผยข้อมูลของสำนักงานบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน ระบุว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดท่องเที่ยวของจีนเปรียบเสมือนแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่ดึงดูดการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากต่างชาติอย่างดีเยี่ยม โดยในแต่ละปีได้มีการขยายการลงทุนในตลาดท่องเที่ยวของจีนเป็นจำนวนเงินราว 150 พันล้านหยวน
ทั้งนี้ คาดว่ามหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นในประเทศจีนน่าจะเป็นตัวกลางตอกย้ำความยิ่งใหญ่การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของจีนในสายตาชาวโลก ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสการลงทุนด้านต่างๆ ในประเทศจีนที่ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงมหกรรมโอลิมปิก โดยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกไม่เพียงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในมหานครปักกิ่งเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเม็ดเงินให้เพิ่มสูงขึ้นให้กับธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม และ ธุรกิจค้าปลีก หากแต่ยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นของพื้นที่ในมณฑลอื่น ๆ ที่ร่วมการจัดมหกรรมโอลิมปิกซึ่ง อาทิ ฮ่องกง ชิงเต่า เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ เกาะชินฮวง และ เสิ่นหยาง
ขณะเดียวกัน มหกรรมโอลิมปิกยังเปรียบเสมือนโอกาสของผู้ประกอบการจากทั่วโลกที่เล็งเห็นลู่ทางการดำเนินธุรกิจในตลาดจีนซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในอนาคต รวมทั้งรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยวจีนในการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกอย่าง “World Expo Shanghai 2010” ในนครเซี่ยงไฮ้ในอีก 2 ปี ข้างหน้าด้วย
นางเสาวณีย์ ศรีสุวรรณกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขายกองทุนเปิดเค หยวน ลิงก์ 1 ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี แต่ไม่เกิน 13 เดือน โดยมีวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ในระหว่างวันที่ 14-22 สิงหาคมนี้
สำหรับกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยลงทุนในตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในสองอันดับแรก รวมถึงตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Notes) ที่มีเงื่อนไขที่จะชำระเงินต้นคืนเต็มจำนวนในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ กองทุนมีนโยบายจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของเงินต้นและผลตอบแทนขั้นต่ำทั้งจำนวน แต่อาจไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของผลตอบแทนขั้นสูง ดังนั้นผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบขั้นสูงที่ผันแปรอัตราแลกเปลี่ยน
นางเสาวณีย์ กล่าวอีกว่า อัตราผลตอบแทนของกองทุนจะอ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินหยวนกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะคำนวณและตรวจสอบเดือนละครั้ง หากค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ น้อยกว่า 9 เดือนจาก 12 เดือน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสุทธิขั้นต่ำประมาณ 1.50% แต่หากเงินหยวนแข็งค่าขึ้นตั้งแต่ 9 เดือน จาก 12 เดือน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสุทธิขั้นสูงประมาณ 5.50%
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอื่นๆ ทั่วโลก จะเห็นได้จากตัวเลขกระแสเงินสดและเงินสำรองอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงกว่า 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมากเป็นอันดับ 1 ของโลก
“จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจระหว่างเดือนกรกฎาคม 2548- มิถุนายน 2551 โอกาสที่ค่าเงินหยวนจะแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ มีถึง 95% หรือ 11.4 เดือน จาก 12 เดือน”นางเสวนีย์กล่าว
ด้านบทวิจัยจากศูนย์วิจัย กสิกรไทย ระบุว่า ปัจจุบันธุรกิจท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศจีนทั้งจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศและจากต่างประเทศ ซึ่งจากการเปิดเผยข้อมูลของสำนักงานบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน ระบุว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดท่องเที่ยวของจีนเปรียบเสมือนแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่ดึงดูดการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากต่างชาติอย่างดีเยี่ยม โดยในแต่ละปีได้มีการขยายการลงทุนในตลาดท่องเที่ยวของจีนเป็นจำนวนเงินราว 150 พันล้านหยวน
ทั้งนี้ คาดว่ามหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นในประเทศจีนน่าจะเป็นตัวกลางตอกย้ำความยิ่งใหญ่การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของจีนในสายตาชาวโลก ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสการลงทุนด้านต่างๆ ในประเทศจีนที่ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงมหกรรมโอลิมปิก โดยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกไม่เพียงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในมหานครปักกิ่งเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเม็ดเงินให้เพิ่มสูงขึ้นให้กับธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโรงแรม และ ธุรกิจค้าปลีก หากแต่ยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นของพื้นที่ในมณฑลอื่น ๆ ที่ร่วมการจัดมหกรรมโอลิมปิกซึ่ง อาทิ ฮ่องกง ชิงเต่า เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ เกาะชินฮวง และ เสิ่นหยาง
ขณะเดียวกัน มหกรรมโอลิมปิกยังเปรียบเสมือนโอกาสของผู้ประกอบการจากทั่วโลกที่เล็งเห็นลู่ทางการดำเนินธุรกิจในตลาดจีนซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในอนาคต รวมทั้งรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยวจีนในการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกอย่าง “World Expo Shanghai 2010” ในนครเซี่ยงไฮ้ในอีก 2 ปี ข้างหน้าด้วย