“ว่าไงอาร์ม...กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย” ต้นกล้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบไวกับหู ปลายสายนั้นคืออาร์มลูกชายของน้าเอก น้องชายของแม่
“พูดเอาใจกันหรือเปล่าพี่ต้น...อะไรจะใจตรงกันขนาดนั้น”
“พี่คิดถึงน้องชายพี่เสมออยู่แล้วละ...ว่าธุระเรามาดีกว่า อย่ามาเล่นลิ้นกับพี่”
“พี่เรานี่จะจริงจังไปถึงไหนกันน้า”
“จะพูดธุระของนายได้ยัง...!”
“คือผมมีเรื่องจะปรึกษาพี่ต้นครับ...ตอนนี้ผมก็ลงทุนมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ผมเลยอยากจะขยับไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นบ้างนะครับ ประมาณว่าโลภครับพี่ อยากได้ผลตอบแทนเยอะๆ เพราะตราสารหนี้ที่ผมลงทุนอยู่ก็ไม่ได้ให้ผลตอบแทนมากมายอะไร”
“แล้วนายรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน” ต้นกล้าย้อนถาม
“เออ....ความเสี่ยงแบบไหนครับพี่ต้น”
“ว่าแล้วเชียว...นายนี่น้า...ยังไม่รู้ความเสี่ยงของตัวเองเลย ริอาจจะลงทุนซะงั้น จำไว้นะว่า ถ้าเราไม่รู้ ไม่เข้าใจสิ่งที่เราจะลงทุน อย่าเพิ่งผลีผลาม เพราะเรื่องแบบนี้ ต้องมีความเข้าใจก่อน ที่สำคัญต้องเข้าใจด้วยว่า สิ่งที่จะลงทุนนั้นมันมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง”
“พี่ต้นอธิบายให้ผมฟังได้ไหมครับว่าผมจะรู้ความเสี่ยงของตัวเองได้ยังไง”
“สำหรับน้องชายพี่ได้อยู่แล้ว...งั้นพี่ขอถามอาร์มว่า ถ้าอาร์มลงทุนในหุ้น แล้วปรากฏว่าอาร์มขาดทุน อาร์มจะยอมรับได้ไหม?”
“ขาดทุนเหรอครับ!” อาร์มหยุดคิดครู่หนึ่ง “รับได้ครับพี่ต้น แต่ถ้าขาดทุนเยอะก็ไม่ไหวนะครับ เพราะอาร์มเองก็เพิ่งเริ่มเก็บออม และเพิ่งเริ่มลงทุน”
“ในทางกลับกัน...ถ้าอาร์มลงทุนในหุ้นแล้วได้กำไร อาร์มจะรู้สึกอย่างไร”
“ต้องดีใจซิครับพี่ต้น...ใครจะไม่ชอบกำไรบ้างละพี่” อาร์มพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกแบบเดียวกับอาร์มนี่แหละ ถ้าได้กำไรก็จะดีอกดีใจ แต่พอขาดทุนก็โทษนู้นโทษนี่ สาเหตุที่เป็นแบบนี้ เพราะไม่เข้าใจความเสี่ยงนั่นเอง...ดังนั้น พี่ถึงได้ถามอาร์มก่อนว่า อาร์มรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการลงทุนทุกประเภทล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงทั้งนั้น”
“ครับพี่ต้น ผมเข้าใจแล้วครับ...แล้วอย่างผมถือว่ามีความเสี่ยงระดับไหนครับ”
“พี่ไม่ใช่นักวิเคราะห์ความเสี่ยงที่จะรู้ว่าใครรับความเสี่ยงได้แค่ไหนหรอก...แต่ถ้าอาร์มอยากจะลงทุนจริง พี่จะแนะนำว่า การกระจายความเสี่ยงออกไปในสินทรัพย์หลายประเภท น่าจะทางเลือกที่เหมาะสมกว่า”
“กระจายความเสี่ยงเหรอครับ...?” อาร์มทำเสียงสงสัยอีกแล้ว
“อยากที่พี่บอกไปว่า การลงทุนแต่ละประเภทมีความเสี่ยงไม่เหมือนกัน บางประเภทเช่น หุ้น มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก บางประเภท เช่น ตราสารหนี้ มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงเลย อันนี้พี่ว่าอาร์มเข้าใจดี...นอกเหนือจากนั้น เช่น การลงทุนในต่างประเทศ ก็มีความเสี่ยงสูงขึ้นไปอีก เพราะนอกจากความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่เราออกไปลงทุนแล้ว ยังมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่างกันออกไปในแต่ละประเทศด้วย...”
“แล้วอะไรคือหลักของการกระจายความเสี่ยง...แล้วทำไมเราถึงต้องกระจายความเสี่ยงด้วยครับพี่ต้น”
“เป็นคำถามที่น่าตอบมาก...”
“อะแฮ่ม...” อาร์มภูมิใจในคำถามของตัวเอง
“กลับไปที่คำถามของอาร์มตั้งแต่แรกเลยว่า อาร์มอยากจะขยับไปลงทุนในตราสารประเภทอื่นๆ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุนของตัวเอง นั่นแหละคือคำตอบละ...เพราะแน่นอนว่าถ้าเรากระจายการลงทุนออกไปในสินทรัพย์หลายประเภท จะทำให้เราไม่เสียโอกาสในการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนมากกว่าสิ่งที่เราลงทุนอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งหากมองไปถึงการลงทุนในต่างประเทศด้วยแล้ว ก็เป็นการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน นอกเหนือจากการลงทุนในประเทศเราเพียงอย่างเดียว…ทั้งทั้งหลายทั้งปวงที่พี่พูดไปนั้น คนที่จะลงทุนต้องรับความเสี่ยงได้ด้วยนะ”
“ผมละภูมิใจในความเก่งของพี่ชายผมจริงๆ…แบบนี้ต้องเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่โด่งดังในอนาคตแน่นอน” หาเรื่องอีกแล้วอาร์ม
“นายนี่มันเล่นได้ตลอดเวลาเลยนะ...”
“พอๆ กับที่พี่ต้นชอบล้อเล่นกันกระปุกนั่นแหละ” โดนย้อนแล้วไหมละ
ต้นกล้าฟังแล้วก็นึกถึงตัวเองขึ้นมาทันที เพราะเขาก็ชอบแหย่กระปุกแบบนี้อยู่บ่อยๆ “เอาเหอะ...ถือว่าพี่ยอมละกัน” ต้นกล้าไม่อยากพูดต่อ เพราะเดี๋ยวจะเข้าตัวไปมากกว่านี้
“ความสงสัยผมยังไม่จบนะครับพี่ต้น...!”
“ว่ามา...”
**“พี่ต้นยังไม่บอกผมเลยว่า แล้วถ้าผมจะลงทุน ต้องกระจายความเสี่ยงยังไง?” **
“สำหรับคนที่มีเงินมาก และเพียงพอที่จะลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทได้ ก็แบ่งเงินลงทุนตามประเภทของกองทุนได้เลย เช่น ซื้อกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนรวมต่างประเทศหรือที่เรียกกันว่าเอฟไอเอฟ นอกจากนั้น สำหรับคนที่อยากประหยัดภาษี ก็สามารถจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟได้ด้วย...แล้ว...”
“แล้วสำหรับคนไม่มีเงินอย่างผมละครับพี่ต้น” อาร์มพูดสวนขึ้นมา
“นายนี่มันใจร้อนจริงๆ...” ต้นกล้าบ่นเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า “สำหรับคนที่เริ่มลงทุนและไม่มีเงินลงทุนมากมายอะไรนัก ปัจจุบันก็มีกองทุนผสมที่เขาจัดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทอยู่ในกองทุนเดียวให้เราเลือก...ซึ่งกองทุนประเภทนี้ จะเหมาะกับคนที่อยากกระจายความเสี่ยง แต่ไม่มีข้อมูลการลงทุนว่าอันไหนดีไม่ดีอย่างไร เพราะผู้จัดการกองทุนที่เขาดูแลการลงทุนให้เรา เขามีการศึกษาข้อมูลการลงทุนมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในประเทศหรือต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งหมด...นอกจากนั้น การที่เขามีข้อมูลเหล่านี้ทำให้เขาสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ทันเวลา หากมีสัญญาณบอกว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่กระทบต่อการลงทุนนั้น หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยเงินของเราก็น่าจะติดลบน้อยที่สุด...แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องเข้าใจด้วยว่า การ...”
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน” อาร์มพูดแบบติดจรวดตามที่เคยฟังมาจากทีวี “ผมรู้น้า พี่ต้นจะพูดคำนี้ใช่ไหมละ…”
“นายนี่มันจริงๆ เลยนะ ไม่รู้ว่าพี่ทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้มีน้องกวนปราสาทอย่างนาย”
“อาร์มว่า กระปุกน่าจะมีคำตอบนี้นะครับ...”
หลังจากวางสายแล้ว...ต้นกล้าก็เอามือกุมขมับ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอาหน้าฝุบลงบนโต๊ะทำงาน...
...อ่านต่อฉบับวันจันทร์หน้า