“ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” แต่งตั้ง “คุณหญิงชฎา”นั่งกรรมการตรวจสอบ พร้อมยืนยันรายได้ – กำไรปีนี้โตตามเป้า แม้เตรียมเรียกประชุมสรุปสถานการณ์ต่างๆวันนี้ ย้ำมีเงินลงทุนพอเพียงต่อการดำเนินธุรกิจ หากไม่พอสามารถงัดแผนตั้งกองทุนอสังหาฯ ออกมาใช้ได้ทันที
นางปราถนา มโนมัยพิบูลย์ กรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) กล่าวว่า ขณะนี้ นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา ได้แจ้งการลาออกจากการเป็นกรรมการตรวจสอบของบริษัทฯ แล้ว เนื่องจากติดภารกิจซึ่งอาจทำให้มีเวลาไม่เพียงพอในการปฏิบัติงานในฐานะกรรมการตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ให้การลาออกดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 7กรฏาคม 2551 เป็นต้นไป
ส่วน ตำแหน่งกรรมการตรวจสอบที่ว่างลง คณะกรรมการบริษัทซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 มีมติแต่งตั้งคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ซึ่งมีคุณสมบัติและความเป็นอิสระตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เพื่อทดแทนตำแหน่งกรรมการตรวจสอบที่ว่างลง โดยให้การแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป
สำหรับ คณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทณ ปัจจุบัน ประกอบด้วย 1.นายเคนเนธ ลี ไวท์ ประธานกรรมการตรวจสอบ 2. นายไมเคิล เดวิด เซลบีย์ กรรมการตรวจสอบ และ3. คุณหญิง ชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการตรวจสอบ ซึ่งทั้ง 3 รายจะมีวาระการดำรงตำแหน่งคงเหลือ 1 ปี 11 เดือน
นางปรารถนา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังเชื่อมั่นว่าในปี 51จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% และรายได้เพิ่มขึ้น 15% ได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีปัจจัยภาวะเศรษฐกิจที่มีผลกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งทำให้บริหารจะต้องมีการจัดการบริหารความเสี่ยงที่เข้มข้นมากขึ้น ก่อนการตัดสินใจเข้าซื้อกิจการใดๆก็ตาม โดยในวันนี้จะมีการนัดประชุมของฝ่ายบริหารเพื่อทบทวนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะต้องชะลอแผนออกหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทออกไปจากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มทยอยออกตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ไปถึงปลายปีนี้ เนื่องจากเห็นว่าสภาพตลาดโดยรวมไม่เอื้ออำนวย จึงควรจะรอจังหวะที่เหมาะสมก่อน
ส่วนไตรมาส 2ที่ผ่านมา กรรมการ MINT เชื่อมั่นว่าจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าไตรมาส 2/50 เนื่องจากธุรกิจโรงแรมยังมีผลประกอบการที่ดี ส่วนธุรกิจอาหารยังต้องโปรโมชั่น และมีการออกโฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทได้ควบคุมต้นทุนการผลิตอาหารไว้แล้ว
“คาดว่า ปีนี้เราจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจโครงการที่พักอาศัย และ ขยายสาขาร้านอาหาร โดยเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดประมาณ 2,000 ล้านบาท และมาจากรายได้ของการขายโครงการที่พักอาศัยกว่า 1,000 ล้านบาท รวมทั้งยังมีเงินจากการออกหุ้นกู้เมื่อปลายปีที่แล้วประมาณ 4 ,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาสเข้าลงทุนซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่อง เช่นธุรกิจอาหาร หรือ โรงแรมใหม่ๆ บริษัทก็มีแผนรองรับโดยการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำเงินมาลงทุน ในเบื้องต้นจะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 3-5 พันล้านบาท”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของMINT ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งการมีธุรกิจที่หลากหลายและมีตราสัญลักษณ์เป็นที่ยอมรับซึ่งทำให้บริษัทมีฐานะเป็นผู้นำตลาดอันประกอบด้วยธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารบริการด่วน (Quick Service Restaurant) ตลอดจนการมีคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ การมีธุรกิจรับจ้างบริหารงานโรงแรมในต่างประเทศที่เติบโต และโอกาสในการขยายธุรกิจอาหารบริการด่วนแบบแฟรนไชส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะที่ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดเอาไว้ได้และนำไปใช้เพื่อสนับสนุนรายจ่ายฝ่ายทุนที่สูงมากในอนาคต และคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเนื่องจากบริษัทมีโครงการโรงแรมและที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากบริษัทมีการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากก็อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพเครดิตของบริษัทในอนาคตได้
นางปราถนา มโนมัยพิบูลย์ กรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) กล่าวว่า ขณะนี้ นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา ได้แจ้งการลาออกจากการเป็นกรรมการตรวจสอบของบริษัทฯ แล้ว เนื่องจากติดภารกิจซึ่งอาจทำให้มีเวลาไม่เพียงพอในการปฏิบัติงานในฐานะกรรมการตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ให้การลาออกดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 7กรฏาคม 2551 เป็นต้นไป
ส่วน ตำแหน่งกรรมการตรวจสอบที่ว่างลง คณะกรรมการบริษัทซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2551 มีมติแต่งตั้งคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ซึ่งมีคุณสมบัติและความเป็นอิสระตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เพื่อทดแทนตำแหน่งกรรมการตรวจสอบที่ว่างลง โดยให้การแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป
สำหรับ คณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทณ ปัจจุบัน ประกอบด้วย 1.นายเคนเนธ ลี ไวท์ ประธานกรรมการตรวจสอบ 2. นายไมเคิล เดวิด เซลบีย์ กรรมการตรวจสอบ และ3. คุณหญิง ชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการตรวจสอบ ซึ่งทั้ง 3 รายจะมีวาระการดำรงตำแหน่งคงเหลือ 1 ปี 11 เดือน
นางปรารถนา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังเชื่อมั่นว่าในปี 51จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% และรายได้เพิ่มขึ้น 15% ได้ตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีปัจจัยภาวะเศรษฐกิจที่มีผลกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งทำให้บริหารจะต้องมีการจัดการบริหารความเสี่ยงที่เข้มข้นมากขึ้น ก่อนการตัดสินใจเข้าซื้อกิจการใดๆก็ตาม โดยในวันนี้จะมีการนัดประชุมของฝ่ายบริหารเพื่อทบทวนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะต้องชะลอแผนออกหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทออกไปจากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มทยอยออกตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ไปถึงปลายปีนี้ เนื่องจากเห็นว่าสภาพตลาดโดยรวมไม่เอื้ออำนวย จึงควรจะรอจังหวะที่เหมาะสมก่อน
ส่วนไตรมาส 2ที่ผ่านมา กรรมการ MINT เชื่อมั่นว่าจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าไตรมาส 2/50 เนื่องจากธุรกิจโรงแรมยังมีผลประกอบการที่ดี ส่วนธุรกิจอาหารยังต้องโปรโมชั่น และมีการออกโฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทได้ควบคุมต้นทุนการผลิตอาหารไว้แล้ว
“คาดว่า ปีนี้เราจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5,000ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจโครงการที่พักอาศัย และ ขยายสาขาร้านอาหาร โดยเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดประมาณ 2,000 ล้านบาท และมาจากรายได้ของการขายโครงการที่พักอาศัยกว่า 1,000 ล้านบาท รวมทั้งยังมีเงินจากการออกหุ้นกู้เมื่อปลายปีที่แล้วประมาณ 4 ,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาสเข้าลงทุนซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่อง เช่นธุรกิจอาหาร หรือ โรงแรมใหม่ๆ บริษัทก็มีแผนรองรับโดยการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำเงินมาลงทุน ในเบื้องต้นจะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 3-5 พันล้านบาท”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของMINT ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งการมีธุรกิจที่หลากหลายและมีตราสัญลักษณ์เป็นที่ยอมรับซึ่งทำให้บริษัทมีฐานะเป็นผู้นำตลาดอันประกอบด้วยธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารบริการด่วน (Quick Service Restaurant) ตลอดจนการมีคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ การมีธุรกิจรับจ้างบริหารงานโรงแรมในต่างประเทศที่เติบโต และโอกาสในการขยายธุรกิจอาหารบริการด่วนแบบแฟรนไชส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะที่ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดเอาไว้ได้และนำไปใช้เพื่อสนับสนุนรายจ่ายฝ่ายทุนที่สูงมากในอนาคต และคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเนื่องจากบริษัทมีโครงการโรงแรมและที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากบริษัทมีการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากก็อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพเครดิตของบริษัทในอนาคตได้