CENTEL เปิดกลยุทธปี 51 เตรียมจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ประเภทธุรกิจโรงแรมในต่างจังหวัด มูลค่าโครงการกว่า 3,000 - 4,000 ล้านบาท คาดอีก 2 เดือนสามารถเข็นออกขายให้แก่นักลงทุน เผยหาผู้จัดการกองทุนเข้ามาบริหารเรียบร้อย ระบุหากมติที่ประชุมบอร์ดไฟเขียว จัดตั้งได้ทันที
รายงานข่าวกล่าวว่า ภายหลังจากที่ผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ถึงแผนการดำเนินงานในปี 2551 ว่า บริษัทเตรียมจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) มูลค่า 3,000 - 4,000 ล้านบาท โดยจะเป็นธุรกิจโรงแรมในต่างจังหวัด และคาดว่าน่าจะออกได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/2551 โดยในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการประชุมหารือกับคณะกรรมการเพื่อรออนุมัติ แต่คาดว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม 2551 จะมีการประชุมบอร์ดผู้บริหารอีกครั้ง ก่อนที่จะทำการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้
แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท กล่าวว่า การที่บริษัทนำสินทรัพย์ประเภทโรงแรมของบริษัทมาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน เนื่องจากกองทุนอสังหาฯ ในปัจจุบันมีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะประเภทธุรกิจโรงแรม ถือเป็นเครื่องมือในการระดมอีกอย่างหนึ่งในแก่นักลงทุนนอกเหนือจากการเพิ่มทุน โดยบริษัทจะเข้าไปลงทุนในโรงแรมใดโรงแรมหนึ่งที่มีผลการดำเนินงานที่ดี เพื่อที่จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนในอนาคต
โดยในขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการประชุมกับหารือกับคณะกรรมการอยู่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถการเปิดกองทุนดังกล่าวได้ประมาณ 2 – 3 เดือนข้างหน้า หลังจากที่มีมติจากที่ประชุมบอร์ดแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธอย่างหนึ่งในปีนี้ ทั้งนี้ ในส่วนของผู้จัดการองทุน (บลจ.) ที่จะเข้าบริษัทนั้น บริษัทได้ทำการคัดเลือก บลจ. ให้เป็นผู้จัดการกองทุนได้เรียบร้อยแล้ว แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็น บลจ. ใด คาดว่าจะเปิดเผยได้ในช่วงที่ประชุมบอร์ดได้ทำการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการสำรอง 30% ที่ได้ทำการปลดล็อคไปแล้วก่อนหน้านี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตกลับมาคึกคักอีกครั้ง และจะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งเช่นกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้การลงทุนในประเทศกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง สำหรับธุรกิจโรงแรมในปีนี้ มีความน่าสนใสมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงมาตรการภาษี และส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวในประเทศอย่างชัดเจน
สำหรับแผนงานปีนี้ CENTEL ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 8,200-8,400 ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2550 โดยการเติบโตจะมาจากธุรกิจโรงแรม ส่วนธุรกิจอาหารคาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของ ปีนี้ รายได้ของบริษัทเติบโตในอัตรา 15-19% สูงกว่าที่คาด แต่ยังคงเป้าหมายการเติบโตทั้งปีไว้เท่าเดิม นอกจากนี้แล้วบริษัทมีแผนใช้งบประมาณ 4,000 ล้านบาท ในการสร้างโรงแรมใหม่ ปรับปรุงโรงแรมเก่า และขยายสาขาร้านอาหาร จากปี 2550 ใช้งบประมาณเพียง 2,600 ล้านบาท ในการขยายงาน ขณะนี้บริษัทรับจ้างบริหารโรงแรม 5 แห่ง และภายในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มงานรับบริหารโรงแรมเป็นอย่างน้อย 7 แห่ง มีทั้งจีน เวียดนาม และอินเดีย โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับโรงแรมในประเทศแถบเอเชีย 1 แห่ง และในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีก 1 แห่ง
รายงานข่าวกล่าวว่า ภายหลังจากที่ผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ถึงแผนการดำเนินงานในปี 2551 ว่า บริษัทเตรียมจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) มูลค่า 3,000 - 4,000 ล้านบาท โดยจะเป็นธุรกิจโรงแรมในต่างจังหวัด และคาดว่าน่าจะออกได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/2551 โดยในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการประชุมหารือกับคณะกรรมการเพื่อรออนุมัติ แต่คาดว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม 2551 จะมีการประชุมบอร์ดผู้บริหารอีกครั้ง ก่อนที่จะทำการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้
แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท กล่าวว่า การที่บริษัทนำสินทรัพย์ประเภทโรงแรมของบริษัทมาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน เนื่องจากกองทุนอสังหาฯ ในปัจจุบันมีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะประเภทธุรกิจโรงแรม ถือเป็นเครื่องมือในการระดมอีกอย่างหนึ่งในแก่นักลงทุนนอกเหนือจากการเพิ่มทุน โดยบริษัทจะเข้าไปลงทุนในโรงแรมใดโรงแรมหนึ่งที่มีผลการดำเนินงานที่ดี เพื่อที่จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนในอนาคต
โดยในขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการประชุมกับหารือกับคณะกรรมการอยู่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถการเปิดกองทุนดังกล่าวได้ประมาณ 2 – 3 เดือนข้างหน้า หลังจากที่มีมติจากที่ประชุมบอร์ดแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธอย่างหนึ่งในปีนี้ ทั้งนี้ ในส่วนของผู้จัดการองทุน (บลจ.) ที่จะเข้าบริษัทนั้น บริษัทได้ทำการคัดเลือก บลจ. ให้เป็นผู้จัดการกองทุนได้เรียบร้อยแล้ว แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็น บลจ. ใด คาดว่าจะเปิดเผยได้ในช่วงที่ประชุมบอร์ดได้ทำการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการสำรอง 30% ที่ได้ทำการปลดล็อคไปแล้วก่อนหน้านี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตกลับมาคึกคักอีกครั้ง และจะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งเช่นกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้การลงทุนในประเทศกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง สำหรับธุรกิจโรงแรมในปีนี้ มีความน่าสนใสมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงมาตรการภาษี และส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวในประเทศอย่างชัดเจน
สำหรับแผนงานปีนี้ CENTEL ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 8,200-8,400 ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2550 โดยการเติบโตจะมาจากธุรกิจโรงแรม ส่วนธุรกิจอาหารคาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อน ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของ ปีนี้ รายได้ของบริษัทเติบโตในอัตรา 15-19% สูงกว่าที่คาด แต่ยังคงเป้าหมายการเติบโตทั้งปีไว้เท่าเดิม นอกจากนี้แล้วบริษัทมีแผนใช้งบประมาณ 4,000 ล้านบาท ในการสร้างโรงแรมใหม่ ปรับปรุงโรงแรมเก่า และขยายสาขาร้านอาหาร จากปี 2550 ใช้งบประมาณเพียง 2,600 ล้านบาท ในการขยายงาน ขณะนี้บริษัทรับจ้างบริหารโรงแรม 5 แห่ง และภายในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มงานรับบริหารโรงแรมเป็นอย่างน้อย 7 แห่ง มีทั้งจีน เวียดนาม และอินเดีย โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับโรงแรมในประเทศแถบเอเชีย 1 แห่ง และในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีก 1 แห่ง