xs
xsm
sm
md
lg

เซ็นทรัลเทคแม็คโครออฟฟิศอัด320ล.ยึดตลาดออฟฟิศเซ็นเตอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - เซ็นทรัลรีเทล เทคโอเวอร์ แม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ จากแม็คโคร มูลค่า 320 ล้านบาท ยึดตลาดอุปกรณ์สำนักงาน ด้านแม็คโครปรับทิศขอมุ่งธุรกิจอาหารเป็นหลัก พร้อมทุ่มงบ 800 ล้านบาท ลุยรีโนเวทสาขาต่อ

นายไอเวอร์ มอร์ตัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารซึ่งดูแลกิจการแบบร้านสเปเชียลตี้ สโตร์ ของเซ็นทรัลรีเทล เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดอุปกรณ์สำนักงานในประเทศมีมูลค่ารวมเกือบแสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ดังนั้น บริษัท ออฟฟิซ คลับ (ไทย) จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ Office Depot (ออฟฟิศ ดีโป้) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเซ็นทรัลรีเทลจึงได้วางยุทธศาสตร์ในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน โดยได้เจรจาซื้อหุ้น บริษัท แม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์ออฟฟิศเซ็นเตอร์จาก บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มจำนวนสาขาจาก 19 เป็น 35 สาขา ซึ่งจะทำให้ ออฟฟิศ ดีโป้ บริการลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ด้วยสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น และรายการส่งเสริมการขายที่ดีกว่าเดิม
“การรวมกิจการแม็คโคร ออฟฟิศ เซ็นเตอร์ กับออฟฟิศ ดีโป จะทำให้ออฟฟิศ ดีโป ขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจนี้ ด้วยการผนวกจุดแข็งของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกันเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยได้มีการลงนามในสัญญาระหว่าง 2 บริษัท เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจะมีผลในสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายนศก นี้” นายไอเวอร์กล่าว
ปัจจุบัน แม็คโคร ออฟฟิศ เซ็นเตอร์ มีทั้งหมด 18 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯ 16 สาขา ต่างจังหวัดอีก 2 สาขาคือที่ ภูเก็ต และพัทยา แต่เนื่องจากสาขาสาทรและ แจ้งวัฒนะ ตั้งอยู่ในห้างแม็คโคร ซึ่งสยามแม็คโครไม่ได้ขายสาขาดังกล่าวโดยจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปเป็นอย่างอื่น จึงเท่ากับว่าเซ็นทรัล รีเทล จะได้สาขาของแม็คโคร ออฟฟิศ มา 16 สาขา เมื่อรวมกับ 19 สาขาของออฟฟิศ ดีโป แล้วจะทำให้มีสาขาเพิ่มเป็น 35 สาขา มีพื้นที่รวมเท่ากับ 45,373 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ขาย 32,016 ตารางเมตร
***แม็คโครขอมุ่งตลาดอาหาร
ด้านนางสุชาดา อิทธิจารุกุล กรรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ทางบริษัทฯมีการปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจ โดยหันมาเน้นในกลุ่มธุรกิจอาหาร ซึ่งในปีที่ผ่านมาธุรกิจอาหารมีอัตราการขยายตัวกว่า 30% ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาทางบริษัทฯมียอดขายโต 21% และคาดว่าหากไม่มีปัจจัยลบที่เพิ่มขึ้นกว่าที่เป็นอยู่จะสามารถรักษายอดขายในระดับเดิมต่อไปได้
ล่าสุดเพื่อเป็นการยืนยันที่จะปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินธุรกิจ ทางบริษัทฯจึงตัดสินใจขายหุ้นในบริษัทฯย่อยคือ บริษัท แม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้และวัสดุอุปกรณ์สำนักงานจำนวน 18 สาขาให้กับบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในมูลค่า 320 ล้านบาท
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง ทางบริษัทฯมีแผนที่ใช้กลยุทธ์ในเชิงลึกคือการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มากขึ้นและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นในการลงทุนปรับเปลี่ยนสินค้าและรูปแบบของธุรกิจ โดยทางบริษัทฯเตรียมทุ่มงบประมาณ 800 ล้านบาทในการรีโนเวทสาขาและการรีโมเดลสาขา ให้ทันสมัยและสามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภค
ปัจจุบันทางบริษัทฯมีสาขาของแม็คโครทั้งสิ้น 41 สาขาแบ่งเป็นสาขาในรูปแบบเดิม 39 สาขาโดยมีการรีโนเวตไปแล้ว 7 สาขาคือ นครศรีธรรมราช สุพรรณบุรี สกลนคร ร้อยเอ็ด จันทบุรี เชียงรายและตรัง และสาขาที่เน้นเฉพาะกลุ่มลูกค้าในธุรกิจอาหารและชาวต่างชาติภายใต้คอนเซปต์ Hotel, Restaurant, Catering หรือ HORECA 2 สาขาคือ สมุยและกระบี่ คาดสิ้นปีจะเปลี่ยนสาขาที่ภูเก็ตเป็น HORECA ณ สิ้นปี 2550 บริษัทฯมีรายได้รวม 63,934 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,292 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.6%
บริษัทแม็คโครออฟฟิศเซ็นเตอร์ จำกัด โดยบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 99.99% จากการดำเนินการมากว่า 10 ปี เป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดค้าปลีกอุปกรณ์สำนักงานในประเทศไทยด้วยยอดขาย 1,495 ล้านบาทในปี 2550
กำลังโหลดความคิดเห็น