โดย ธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าการตลาดธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ. ทิสโก้
แม้ในไตรมาสที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรได้ปรับตัวลดลงมาถึงร้อยละ 10 จากการขายทำกำไรของนักลงทุน แต่วันนี้เราก็เริ่มเห็นการปรับตัวในราคาสินค้าเกษตรอีกครั้ง โดยมีปัจจัยหลักจากการเกิดอุทกภัยในอเมริกาซึ่งทำให้พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายไปเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้ราคาข้าวโพด ถั่วเหลือง และข้าวสาลี ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อสินค้าหลักในดัชนีปรับตัวขึ้น ก็ย่อมส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีเช่นกัน ดังนั้นในระยะสั้นเราก็น่าจะยังเห็นการปรับตัวสูงขึ้นในดัชนีสินค้าเกษตร จากปัจจัยเรื่องอุทกภัยดังกล่าวข้างต้น ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภัยธรรมชาติในอเมริกาได้อีกดังจะเห็นได้จากข้อมูลทางสถิติใน รูปภาพที่ 2 ซึ่งแสดงถึงจำนวนครั้งของการเกิดพายุเฮอริเคนในเดือนต่างๆ ว่าเฮอริเคนจะเกิดขึ้นมากในเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ซึ่งหากในปีนี้เกิดเฮอริเคนในช่วงเดือนดังกล่าวอีก ก็ย่อมส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน
**สำหรับในระยะปานกลางถึงยาว แม้เราจะยังคงเห็นการขายทำกำไรเป็นครั้งคราว แต่โดยภาพรวมนั้นความต้องการสินค้าเกษตรทั้งเพื่อผลิตอาหาร และพลังงานทดแทนให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรโลกที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ก็ยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะส่งให้สินค้าเกษตรกลายเป็นประเภทตราสาร (Asset Class) สำคัญที่มีศักยภาพสูงในการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็น Asset Class ที่มิได้มีการเปลี่ยนแปลงของราคาที่อ้างอิงกับตราสารทุน หรือตราสารหนี้ จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือการกระจายการลงทุน (Diversification) เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการกระจุกตัวของการลงทุนได้อีกด้วย สินค้ากษตรจึงเป็นอีก Asset Class ที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับพอร์ตการลงทุนของท่าน**
สำหรับท่านผู้ลงทุนที่สนใจการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใหม่นี้ ก็อาจพิจารณาเลือกลงทุนได้โดยผ่านกองทุนรวม เช่น ของบลจ.ทิสโก้ เองก็มีการจัดตั้งและเสนอขายกองทุนเปิด ชื่อ ทิสโก้ อกริคัลเจอร์ ยูโร ฟันด์ ที่มีนโยบายการลงทุนในสินค้าเกษตร 7 ชนิด ที่มีการบริโภคอัตราที่สูง คือ ข้าวโพด ข้าวสาลี น้ำตาล ถั่วเหลือง โกโก้ กาแฟ และ ฝ้าย โดยเป็นการลงทุนในสินค้าเกษตรในต่างประเทศ เป็นสกุลเงินยูโร ซึ่งถือเป็นสกุลเงินหนึ่งที่ผู้ลงทุนมักใช้เป็นทางเลือกนอกจากเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐฯ ซึ่งท่านสามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-633-7777 ทุกวันในเวลาทำการ
แม้ในไตรมาสที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรได้ปรับตัวลดลงมาถึงร้อยละ 10 จากการขายทำกำไรของนักลงทุน แต่วันนี้เราก็เริ่มเห็นการปรับตัวในราคาสินค้าเกษตรอีกครั้ง โดยมีปัจจัยหลักจากการเกิดอุทกภัยในอเมริกาซึ่งทำให้พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายไปเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้ราคาข้าวโพด ถั่วเหลือง และข้าวสาลี ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อสินค้าหลักในดัชนีปรับตัวขึ้น ก็ย่อมส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีเช่นกัน ดังนั้นในระยะสั้นเราก็น่าจะยังเห็นการปรับตัวสูงขึ้นในดัชนีสินค้าเกษตร จากปัจจัยเรื่องอุทกภัยดังกล่าวข้างต้น ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภัยธรรมชาติในอเมริกาได้อีกดังจะเห็นได้จากข้อมูลทางสถิติใน รูปภาพที่ 2 ซึ่งแสดงถึงจำนวนครั้งของการเกิดพายุเฮอริเคนในเดือนต่างๆ ว่าเฮอริเคนจะเกิดขึ้นมากในเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ซึ่งหากในปีนี้เกิดเฮอริเคนในช่วงเดือนดังกล่าวอีก ก็ย่อมส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน
**สำหรับในระยะปานกลางถึงยาว แม้เราจะยังคงเห็นการขายทำกำไรเป็นครั้งคราว แต่โดยภาพรวมนั้นความต้องการสินค้าเกษตรทั้งเพื่อผลิตอาหาร และพลังงานทดแทนให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรโลกที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ก็ยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะส่งให้สินค้าเกษตรกลายเป็นประเภทตราสาร (Asset Class) สำคัญที่มีศักยภาพสูงในการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็น Asset Class ที่มิได้มีการเปลี่ยนแปลงของราคาที่อ้างอิงกับตราสารทุน หรือตราสารหนี้ จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือการกระจายการลงทุน (Diversification) เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการกระจุกตัวของการลงทุนได้อีกด้วย สินค้ากษตรจึงเป็นอีก Asset Class ที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับพอร์ตการลงทุนของท่าน**
สำหรับท่านผู้ลงทุนที่สนใจการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใหม่นี้ ก็อาจพิจารณาเลือกลงทุนได้โดยผ่านกองทุนรวม เช่น ของบลจ.ทิสโก้ เองก็มีการจัดตั้งและเสนอขายกองทุนเปิด ชื่อ ทิสโก้ อกริคัลเจอร์ ยูโร ฟันด์ ที่มีนโยบายการลงทุนในสินค้าเกษตร 7 ชนิด ที่มีการบริโภคอัตราที่สูง คือ ข้าวโพด ข้าวสาลี น้ำตาล ถั่วเหลือง โกโก้ กาแฟ และ ฝ้าย โดยเป็นการลงทุนในสินค้าเกษตรในต่างประเทศ เป็นสกุลเงินยูโร ซึ่งถือเป็นสกุลเงินหนึ่งที่ผู้ลงทุนมักใช้เป็นทางเลือกนอกจากเงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐฯ ซึ่งท่านสามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-633-7777 ทุกวันในเวลาทำการ
