บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทุนเปิด เค อะกริคัลเจอร์ (K-AGRI)เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ตั้งแต่วันที่ 17-25 มิถุนายน ระบุ 3 วิกฤต โลกร้อน น้ำมันแพง อุทกภัย ดันราคาสินค้าเกษตรพุ่งต่อเนื่อง พร้อมแนะจับจังหวะลงทุนหาผลตอบแทนที่ดีในช่วงนี้ ขณะที่กองทุนตะวันออกกลางได้รับความนิยมพอสมควร K-MENA กวาดไอพีโอ 380.04 ล้านบาท เตรียมเปิดรับคำสั่งซื้ออีกครั้ง 23 มิถุนายนี้
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทยจำกัด เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์โลกร้อน และอุทกภัยในสหรัฐอเมริกาและจีนในขณะนี้ส่งผลให้กำลังการผลิตสินค้าการเกษตร อาทิ ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง ฯ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้ในการบริโภคโดยตรง ใช้เป็นอาหารสัตว์ หรือนำไปผลิตพลังงานทดแทน ทำให้แนวโน้มของราคาสินค้าเกษตรจะสูงขึ้นในอนาคต ทำให้การลงทุนในสินค้าเกษตรขณะนี้เป็นจึงเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุน
“จากข้อมูลเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2551 ที่ผ่านมา USDA ได้ประกาศลดตัวเลขปริมาณการผลิตข้าวโพดลงเนื่องจากสภาวะอากาศที่แปรปรวนในประเทศสหรัฐฯ โดยส่งผลให้ปริมาณการผลิตข้าวโพดลดลง 5 บุชเชลต่อเอเคอร์ หรือ ลดลง 390 ล้านบุชเชล ในปี 2008/2009 นอกจากภาวะน้ำท่วมและภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้นแล้ว ความต้องการยังเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย” นางวิวรรณกล่าวเพิ่มเติม
นอกจานี้ หากมองในแง่การกระจายความเสี่ยง สินค้าเกษตรเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนเพราะการเคลื่อนไหวของราคามีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นโลกในเกณฑ์ที่ต่ำ ซึ่งจะเห็นได้จากราคาสินค้าเกษตรบางชนิดที่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 13 มิ.ย. 51 อาทิ ข้าวโพด เพิ่มขึ้น 55.65% ถั่วเหลือง 28.15% เปรียบเทียบกับ MSCI AC World ปรับตัวลดลง 8.34%”
ทั้งนี้ จากโอกาสที่กล่าวมาข้างต้น ทางบริษัทจึงได้ทำการเสนอขายกองทุนเปิด เค อะกริคัลเจอร์ (K-AGRI) ตั้งแต่วันที่ 17-25 มิถุนายน นี้ และถือเป็นกองทุนต่างประเทศกองทุนใหม่ล่าสุดจากบลจ.กสิกรไทยที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน DB Platinum IV Agriculture USD Fund โดยใช้เกณฑ์วัดผลการดำเนินงานจากดัชนี DB Agriculture USD ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนผลการดำเนินงานของสินค้าเกษตรผ่านการลงทุนในสัญญาซื้อขายสินค้าล่วงหน้า (สัญญาฟิวเจอร์) โดยกระจายความเสี่ยงไปยังสินค้าตัวแปร 7 ชนิดที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ได้แก่ ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง น้ำตาล ฝ้าย กาแฟ และโกโก้ ทั้งนี้กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พร้อมนโยบายจ่ายปันผลปีละ ไม่เกิน 2 ครั้ง
นางวิวรรณ กล่าวอีกว่า กองทุนเปิดเค มีน่าหุ้นทุน (K-MENA) ซึ่งเปิดขายครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 4-12 มิถุนายน สามารถทำยอดขายได้ถึง 380.04 ล้านบาท และพร้อมจะเปิดรับคำสั่งชื้อครั้งต่อไป ในวันที่ 23 มิถุนายน 2551นี้ โดยคาดว่าสถานการณ์การลงทุนใน ภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และภูมิภาคใกล้เคียง จะยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจเนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่เติบโตในอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลพวงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย จำกัด ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการลงทุนจากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2535 ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทย เป็นบริษัทในกลุ่ม KASIKORNBANKGROUP โดย ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 บริษัทฯ มีทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ กว่า 338,000 ล้านบาท
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทยจำกัด เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์โลกร้อน และอุทกภัยในสหรัฐอเมริกาและจีนในขณะนี้ส่งผลให้กำลังการผลิตสินค้าการเกษตร อาทิ ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง ฯ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้ในการบริโภคโดยตรง ใช้เป็นอาหารสัตว์ หรือนำไปผลิตพลังงานทดแทน ทำให้แนวโน้มของราคาสินค้าเกษตรจะสูงขึ้นในอนาคต ทำให้การลงทุนในสินค้าเกษตรขณะนี้เป็นจึงเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุน
“จากข้อมูลเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2551 ที่ผ่านมา USDA ได้ประกาศลดตัวเลขปริมาณการผลิตข้าวโพดลงเนื่องจากสภาวะอากาศที่แปรปรวนในประเทศสหรัฐฯ โดยส่งผลให้ปริมาณการผลิตข้าวโพดลดลง 5 บุชเชลต่อเอเคอร์ หรือ ลดลง 390 ล้านบุชเชล ในปี 2008/2009 นอกจากภาวะน้ำท่วมและภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆส่งผลให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้นแล้ว ความต้องการยังเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย” นางวิวรรณกล่าวเพิ่มเติม
นอกจานี้ หากมองในแง่การกระจายความเสี่ยง สินค้าเกษตรเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนเพราะการเคลื่อนไหวของราคามีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นโลกในเกณฑ์ที่ต่ำ ซึ่งจะเห็นได้จากราคาสินค้าเกษตรบางชนิดที่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 13 มิ.ย. 51 อาทิ ข้าวโพด เพิ่มขึ้น 55.65% ถั่วเหลือง 28.15% เปรียบเทียบกับ MSCI AC World ปรับตัวลดลง 8.34%”
ทั้งนี้ จากโอกาสที่กล่าวมาข้างต้น ทางบริษัทจึงได้ทำการเสนอขายกองทุนเปิด เค อะกริคัลเจอร์ (K-AGRI) ตั้งแต่วันที่ 17-25 มิถุนายน นี้ และถือเป็นกองทุนต่างประเทศกองทุนใหม่ล่าสุดจากบลจ.กสิกรไทยที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน DB Platinum IV Agriculture USD Fund โดยใช้เกณฑ์วัดผลการดำเนินงานจากดัชนี DB Agriculture USD ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนผลการดำเนินงานของสินค้าเกษตรผ่านการลงทุนในสัญญาซื้อขายสินค้าล่วงหน้า (สัญญาฟิวเจอร์) โดยกระจายความเสี่ยงไปยังสินค้าตัวแปร 7 ชนิดที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ได้แก่ ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง น้ำตาล ฝ้าย กาแฟ และโกโก้ ทั้งนี้กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พร้อมนโยบายจ่ายปันผลปีละ ไม่เกิน 2 ครั้ง
นางวิวรรณ กล่าวอีกว่า กองทุนเปิดเค มีน่าหุ้นทุน (K-MENA) ซึ่งเปิดขายครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 4-12 มิถุนายน สามารถทำยอดขายได้ถึง 380.04 ล้านบาท และพร้อมจะเปิดรับคำสั่งชื้อครั้งต่อไป ในวันที่ 23 มิถุนายน 2551นี้ โดยคาดว่าสถานการณ์การลงทุนใน ภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และภูมิภาคใกล้เคียง จะยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจเนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่เติบโตในอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลพวงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย จำกัด ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทกิจการลงทุนจากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2535 ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทย เป็นบริษัทในกลุ่ม KASIKORNBANKGROUP โดย ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 บริษัทฯ มีทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ กว่า 338,000 ล้านบาท