บลจ.บีที จับ 2 ตราสารหนี้ต่างประเทศ "ออสเตรเลีย-นิวซีแลนซ์" ตั้ง "บีที FIF ออสซี่ กีวี ตราสารหนี้ 6/3" อายุโครงการ 6 เดือน กระจายการลงทุนหาโอกาสสร้างผลตอบแทนในตราสารหนี้ของทั้ง 2 ประเทศ เปิดช่องเก็งกำไรค่าเงิน โดยใช้ผู้จัดการกองทุนติดตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด คาดการณ์ยิลด์ 6% เปิดไอพีโอ 26 มิ.ย.-3 ก.ค.นี้
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2551 บริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบีที FIF ออสซี่ กีวี ตราสารหนี้ 6/3 (BT FIF Aussie Kiwi Fixed Income 6/3) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 6%
โดยกองทุนเปิดบีที FIF ออสซี่ กีวี ตราสารหนี้ 6/3 เป็นกองทุนแรกของบริษัทที่จะมีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนซ์ ซึ่งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงให้แก่นักลงทุน หลังจากที่ผ่านมาบริษัทได้มีการออกกองทุนซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศนิวซีแลนซ์ และกองทุนซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศออสเตรเลียมาแล้ว ซึ่งปรากฎว่าสามารถให้ผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจ
"กองทุนนี้จะไม่มีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (เฮดจ์จิ้ง) แต่เราจะมีผู้จัดการกองทุนที่เข้ามาดูแลเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ ซึ่งจะจับจังหวะให้อัตราแลกเปลี่ยนเกิดการเปลี่ยงแปลงในลักษณะที่จะส่งผลดีต่อผลตอบแทนของกองทุนและทยอยปิดความเสี่ยง และนอกการการลงทุนในตราสารของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนซ์แล้ว บริษัทยังมีการพิจารณาลงทุนในตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินยุโรป (ECP) เช่นเดียวกัน"นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศนิวซีแลนด์ในระยะสั้นอาจจะมีการชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจภายใน แต่ในส่วนของเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเรียน่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
กองทุนเปิดบีที FIF ออสซี่ กีวี ตราสารหนี้ 6/3 มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเป็นสินทรัพย์ของกองทุนมีมูลค่ารวมกันไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
โดยอาจมีบางขณะที่กองทุนไม่สามารถดำรงสัดส่วนการลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดได้ เช่นในระหว่างรอการลงทุน โดยยกเว้นในช่วงระยะเวลา 10 วันนับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม และในช่วงระยะเวลา 10 วันก่อนวันครบกำหนดอายุกองทุน หรือในวันครบกำหนดอายุกองทุน ซึ่งกองทุนอาจจำเป็นต้องชะลอการลงทุนในต่างประเทศเป็นการชั่วคราว
ขณะเดียวกันส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในตราสารที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก , เงินฝาก , ตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินการ , รอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน ทั้งนี้กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่งหน้า (Derivativer) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) ตามจังหวะที่เห็นว่าเหมาะสม แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
"แนวคิดของเราคือ ช่วยให้นักลงทุนไทยชนะเงินเฟ้อ เซึ่งถ้าจะชนะเงินเฟ้อก็ควรจะออกไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนต้องเลือกสถาบันการเงิน สกุลเงินที่จะลงทุน และต้องมีคนที่มีดูแลเรื่องความเสี่ยงด้วย"นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2551 บริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบีที FIF ออสซี่ กีวี ตราสารหนี้ 6/3 (BT FIF Aussie Kiwi Fixed Income 6/3) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 6%
โดยกองทุนเปิดบีที FIF ออสซี่ กีวี ตราสารหนี้ 6/3 เป็นกองทุนแรกของบริษัทที่จะมีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนซ์ ซึ่งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงให้แก่นักลงทุน หลังจากที่ผ่านมาบริษัทได้มีการออกกองทุนซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศนิวซีแลนซ์ และกองทุนซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศออสเตรเลียมาแล้ว ซึ่งปรากฎว่าสามารถให้ผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจ
"กองทุนนี้จะไม่มีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (เฮดจ์จิ้ง) แต่เราจะมีผู้จัดการกองทุนที่เข้ามาดูแลเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ ซึ่งจะจับจังหวะให้อัตราแลกเปลี่ยนเกิดการเปลี่ยงแปลงในลักษณะที่จะส่งผลดีต่อผลตอบแทนของกองทุนและทยอยปิดความเสี่ยง และนอกการการลงทุนในตราสารของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนซ์แล้ว บริษัทยังมีการพิจารณาลงทุนในตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินยุโรป (ECP) เช่นเดียวกัน"นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศนิวซีแลนด์ในระยะสั้นอาจจะมีการชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจภายใน แต่ในส่วนของเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเรียน่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
กองทุนเปิดบีที FIF ออสซี่ กีวี ตราสารหนี้ 6/3 มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเป็นสินทรัพย์ของกองทุนมีมูลค่ารวมกันไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
โดยอาจมีบางขณะที่กองทุนไม่สามารถดำรงสัดส่วนการลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดได้ เช่นในระหว่างรอการลงทุน โดยยกเว้นในช่วงระยะเวลา 10 วันนับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม และในช่วงระยะเวลา 10 วันก่อนวันครบกำหนดอายุกองทุน หรือในวันครบกำหนดอายุกองทุน ซึ่งกองทุนอาจจำเป็นต้องชะลอการลงทุนในต่างประเทศเป็นการชั่วคราว
ขณะเดียวกันส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในตราสารที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก , เงินฝาก , ตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินการ , รอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน ทั้งนี้กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่งหน้า (Derivativer) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) ตามจังหวะที่เห็นว่าเหมาะสม แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
"แนวคิดของเราคือ ช่วยให้นักลงทุนไทยชนะเงินเฟ้อ เซึ่งถ้าจะชนะเงินเฟ้อก็ควรจะออกไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนต้องเลือกสถาบันการเงิน สกุลเงินที่จะลงทุน และต้องมีคนที่มีดูแลเรื่องความเสี่ยงด้วย"นายอนุสรณ์ กล่าว