"อย่างไรก็ตาม การเทรดทองล่วงหน้าอาจมีผลกระทบต่อร้านค้าทองคำ เพราะนักลงทุนจะไปทองคำในตลาดล่วงหน้าโดยตรง ทำให้นักลงทุนไม่เข้ามาซื้อทองคำจากร้านทองเหมือนแต่เดิม ซึ่งผู้ประกอบการที่เป็นร้านค้าทองคำเหล่านั้นควรจะได้รับประโยชน์และมีส่วนร่วม (Win Win Situation) กับทางตลาดซื้อขายล่วงหน้าด้วย"
เมื่อการลงทุนในแหล่งลงทุนต่างๆเริ่มไม่มีความมั่นคงและมีความผันผวนอย่างมาก ทั้งจากปัญหาทางเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนในบางประเทศ ส่งผลให้ตลาดหุ้นซึ่งเป็นแหล่งลงทุนแหล่งใหญ่ที่นักลงทุนนำเงินเข้าไปหาผลประโยชน์ได้รับผลกระทบ และเมื่อตลาดหุ้นมีความผันผวนอันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆนานา สินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่นักลงทุนนิยมนำเงินไปพักไว้เพื่อรอดูสถานการณ์ คือ "ทองคำ" สินค้าอ้างอิงประเภทคอมมอนิตี้ชนิดนี้ กำลังได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ แต่ในส่วนของประเทศไทยนั้นมีความพร้อมในการที่จะลงทุนในทองคำอย่างถูกต้องหรือยัง....
เมื่อเร็วๆนี้มีงานเสวนา "Gold Futures...โอกาสทองของการลงทุน" ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ในเรื่องของการลงทุนในทองคำได้อย่างน่าสนใจ และมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่แสวงหาทางเลือกการลงทุนแบบใหม่ที่นอกเหนือไปจากเดิม
เริ่มต้นที่ นางสาว สิริวิภา สุพรรณธเนศ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับตลาด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (กลต.) กล่าวถึง นโยบายของทางการในการออกตราสารในการลงทุนที่อ้างอิงกับสินค้าประเภทคอมมอนิตี้ประเภททองคำว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนขึ้นมา เพื่อทำการศึกษาวิจัยหาสินค้าที่สามารถอ้างอิง และได้ข้อสรุปว่าตัวคอทมอนิตี้ที่เหมาะจะเป็นสินค้าอ้างอิงในการลงทุน คือ ทองคำ สามารถนำมาเป็นสินค้าอ้างอิงทางการเงินได้หลายรูปแบบ เช่น ฟิวเจอร์ ออฟชั่น รวมถึงอีทีเอฟ เป็นต้น ขณะเดียวทางด้านคณะกรรมการของตลาดอนุพันธ์ มีมติที่จะให้มีการลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า เช่นกัน ทำให้เรื่องดังกล่าวเกิดความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อประโยชน์สูงสุด
โดย นางสาว เกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX กล่าวว่า ทางคณะกรรมการของตลาดอนุพันธ์ มีความเห็นพ้องต้องกันกับทางด้าน กลต. ในการออกตราสารทุนประเภททองคำ แต่ต้องกลับไปศึกษาดูในเรื่องของสเป็คของทองคำที่จะใช้กำหนดในการลงทุนก่อน และจึงกลับมาขออนุมัติจากทาง กลต. อีกครั้งหนึ่ง
นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรันยศิริ รองเลขาธิการ สมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงประโยชน์จากการลงทุนในทองคำในตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX ว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ในขณะนี้ทั่วโลกมีความต้องการลงทุนในทองคำเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยการลงทุนในทองคำหากนักลงทุนลงทุนในระยะกลางหรือระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในช่วงระยะสั้นเพราะยังมีความเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนอยู่
นอกจากนี้ การลงทุนในทองคำนั้นในต่างประเทศมีการลงทุนในทองคำในลักษณะที่แตกต่างจากประเทศไทย คือการลงทุนในทองคำแบบที่ไม่มีการถือครองทองคำอยู่ในมือจริง หรือเรียกว่า Paper Gold ในขณะที่การลงทุนในทองคำของประเทศไทยนั้นสามารถจับต้องทองคำได้จริง หรือ Physical Gold ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างหนึ่งของการค้าหรือการลงทุนในทองคำของประเทศไทยซึ่งไม่มีที่ประเทศใดในโลกที่จะมีร้านค้าทองคำอยู่อย่างมากมาย โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีร้านค้าทองคำอยู่ประมาณ 6,000 - 7,000 แห่ง ที่มีความพร้อมที่จะร้องรับในการลงทุนประเภทซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นประเทศผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่ของโลกโดยในแต่ละปีมีการนำเข้าทองคำปีละประมาณ 100 ตัน
นายภควัตร โกวิทวัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรีนิตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนในทองคำเป็นช่องทางในการหนีภาวะวิกฤติเศรษฐกิจต่างๆ โดยเมื่อเกิดภาวะวิกฤติทางด้านเศรษฐกิจหรือเกิดความไม่มั่นคงในการลงทุน สถาบันการลงทุนต่างๆรวมถึงนักลงทุนรายย่อยจะพากันนำเงินไปลงทุนในทองคำเพื่อเป็นการรักษาระดับความมั่นคงทางการลงทุนไว้ โดยปัจจุบันภาวะของสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอนิตี) ในตลาดโลกเช่น ทองคำ โลหะ รวมถึงสินค้าเกษตร มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้บรรดากองทุนต่างประเทศ หรือเฮดฟันด์ เริ่มหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้นเพื่อป้องกันความผันผวนในการลงทุน ซึ่งการลงทุนในทองคำถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน เพราะจากการศึกษาเห็นได้ชัดว่าการลงทุนในทองคำมีความมั่นคงไม่มีความผันผวนมากเหมือนกับการลงทุนในหุ้น
ด้าน รศ.ดร.กุลภัทรา สิโรดม กล่าวเสริมถึงผลการวิจัยว่า "จากผลวิจัยทางสถิติพบว่าทองคำสามารถใช้เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้ เนื่องจากราคาทองคำจะมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่สัมพันธ์กับราคาน้ำมันและดัชนีราคาผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่สัมพันธ์กับดัชนีหลักทรัพย์จึงเหมาะกับการเป็นสินทรัพย์เพื่อกระจายการลงทุน การเปิดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำในประเทศไทยจะช่วยเติมเต็มให้ตลาดทุนไทยมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนและผู้ประกอบการมีเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตลาดทองคำในประเทศทำให้ลดการขาดดุลการค้าจากการนำเข้าทองคำและช่วยป้องกันเงินทุนไหลออกไปลงทุนในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศได้
"การซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สจะทำให้การลงทุนยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสัญญามีความเป็นมาตรฐาน มีสภาพคล่องสูงสามารถเปลี่ยนมือได้ง่าย นอกจากนี้ยังใช้ต้นทุนต่ำ และสามารถขายล่วงหน้าได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีซื้อล่วงหน้ามาก่อน ทำให้สามารถทำกำไรในตลาดขาลงได้ จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือลงทุนที่น่าสนใจ"
ส่วนปัจจัยที่จะทำให้การตลาดซื้อขายล่วงหน้าทองคำในประเทศไทยประสบความสำเร็จนั้นนายแพทย์ กฤชรัตน์ กล่าวว่า ปัจจัยแรกคือเรื่องของ การเชื่อมโยงตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าของไทยกับต่างประเทศเพื่อให้การลงทุนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ปัจจัยต่อมา คือ ราคาของทองคำควรจะเป็นราคาทองคำที่เป็นอ้างอิงกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อราคาทองคำเป็นราคาสากล แล้วจะทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่ว่ารายย่อยหรือสถาบันสามารถนำเงินลงทุนมาพักที่ประเทศไทยได้ ส่งผลให้เงินลงทุนสามารถไหลเข้าออกได้สะดวก และปัจจัยสุดท้าย คือ ในกรณีที่นักลงทุนนำเงินไปลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเป็นจำนวนมากและเมื่อถึงวันสิ้นสุด นักลงทุนสามารถเปลี่ยนจากการสัญญาซื้อขายในตลาดมาเป็นทองคำจริงได้ และไม่ขาดทุน
"อย่างไรก็ตาม การเทรดทองล่วงหน้าอาจมีผลกระทบต่อร้านค้าทองคำ เพราะนักลงทุนจะไปทองคำในตลาดล่วงหน้าโดยตรง ทำให้นักลงทุนไม่เข้ามาซื้อทองคำจากร้านทองเหมือนแต่เดิม ซึ่งผู้ประกอบการที่เป็นร้านค้าทองคำเหล่านั้นควรจะได้รับประโยชน์และมีส่วนร่วม (Win Win Situation) กับทางตลาดซื้อขายล่วงหน้าด้วย"