กสิกรไทยเอาใจลูกค้าชอบพันธบัตรต่างประเทศ เปิดขายกองบอนด์โสมเพิ่มอีก 2 กอง "พันธบัตรเกาหลี 1 ปี พี" และ"พันธบัตรเกาหลี 6 เดือน เอ" ระหว่างวันที่ 13-19 มิถุนายนนี้ คาดผลตอบแทน 3.8%ต่อปี "วิวรรณ"ระบุยิลด์บอนด์เกาหลียังน่าสนใจ หลังต้นทุนป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงินลดลงในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ยอดกองเกาหลีทั้ง 15 กองที่ผ่านมาระดมได้กว่า 36,909.62 ล้านบาท
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนพันธบัตรเกาหลี เพิ่มเติมอีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี พี กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 6 เดือน เอ โดยจะทำการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 13 -19 มิถุนายน 2551
สำหรับ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี พี มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และสามารถขยายกองทุนเพิ่มเติมได้ไม่เกิน 300 ล้าน บาท
ทั้งนี้ กองทุนจะมีนโยบายการลงทุนที่มุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเงินส่วนที่เหลือ อาทิ เงินที่สำรองไว้ สำหรับการดำเนินงานรอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุนนั้น จะนำมาลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในประเทศ อาทิ เงินฝาก ตราสารทางการเงิน และตราสารแห่งหนี้ รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก.ล.ต. นอกจากนี้กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินอีกด้วย
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในกองทุนพันธบัตรต่างประเทศในขณะนี้ยังคงมีความน่าสนใจอยู่ เนื่องจากผลตอบแทนยังคงสูงกว่าการลงทุนในประเทศ และกองทุนนี้น่าจะสร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 3.8% ต่อปี
“มันยังคงมีความน่าสนใจอยู่ ขณะนี้ต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนดูเหมือนจะลดลง และผลตอบแทนกองทุนใหม่นี้คงจะได้ใกล้เคียงกับกองทุนที่ออกไปก่อนหน้า ซึ่งมีการปรับผลตอบแทนไปแล้วคือประมาณ 3.8%”นางวิวรรณกล่าว
ส่วน กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 6 เดือน เอ มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือนแต่ไม่เกิน 6 เดือน 20 วัน
โดยกองทุนจะมีนโยบายการลงทุนที่มุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเงินส่วนที่เหลือ อาทิ เงินที่สำรองไว้สำหรับการดำเนินงานรอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน จะนำมาลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในประเทศ อาทิ เงินฝาก ตราสารทางการเงิน และตราสารแห่งหนี้ รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก.ล.ต. นอกจากนี้กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินอีกด้วย
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ประสบความสำเร็จในการระดมทุน ทั้งกองทุนใหม่และกองทุนเก่าที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ ที่สามารถระดมทุนได้ถึง 15 กองทุนด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวมกันถึง 36,909.62 ล้านบาท ทำให้บลจ.กสิกรไทย มีสินทรัพย์รวมทั้งกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในเดือนเมษายน 2551 ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมแทนบลจ.ไทยพาณิชย์แล้ว โดยบลจ.กสิกรไทย มีสินทรัพย์รวมทั้ง 3 ธุรกิจอยู่ที่ 334,009.17 ล้านบาท ซึ่งรวมกองทุนส่วนบุคคล 35,177.41 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 51,219.46 ล้านบาทแล้ว ส่วนบลจ.ไทยพาณิชย์ มีสินทรัพย์รวม 328,558.67 ล้านบาท รวมกองทุนส่วนบุคคล 5,443.85 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 46,116.33 ล้านบาท
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนพันธบัตรเกาหลี เพิ่มเติมอีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี พี กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 6 เดือน เอ โดยจะทำการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 13 -19 มิถุนายน 2551
สำหรับ กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 1 ปี พี มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และสามารถขยายกองทุนเพิ่มเติมได้ไม่เกิน 300 ล้าน บาท
ทั้งนี้ กองทุนจะมีนโยบายการลงทุนที่มุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเงินส่วนที่เหลือ อาทิ เงินที่สำรองไว้ สำหรับการดำเนินงานรอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุนนั้น จะนำมาลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในประเทศ อาทิ เงินฝาก ตราสารทางการเงิน และตราสารแห่งหนี้ รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก.ล.ต. นอกจากนี้กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินอีกด้วย
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในกองทุนพันธบัตรต่างประเทศในขณะนี้ยังคงมีความน่าสนใจอยู่ เนื่องจากผลตอบแทนยังคงสูงกว่าการลงทุนในประเทศ และกองทุนนี้น่าจะสร้างผลตอบแทนได้ประมาณ 3.8% ต่อปี
“มันยังคงมีความน่าสนใจอยู่ ขณะนี้ต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนดูเหมือนจะลดลง และผลตอบแทนกองทุนใหม่นี้คงจะได้ใกล้เคียงกับกองทุนที่ออกไปก่อนหน้า ซึ่งมีการปรับผลตอบแทนไปแล้วคือประมาณ 3.8%”นางวิวรรณกล่าว
ส่วน กองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 6 เดือน เอ มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือนแต่ไม่เกิน 6 เดือน 20 วัน
โดยกองทุนจะมีนโยบายการลงทุนที่มุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเงินส่วนที่เหลือ อาทิ เงินที่สำรองไว้สำหรับการดำเนินงานรอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน จะนำมาลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายในประเทศ อาทิ เงินฝาก ตราสารทางการเงิน และตราสารแห่งหนี้ รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก.ล.ต. นอกจากนี้กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินอีกด้วย
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ประสบความสำเร็จในการระดมทุน ทั้งกองทุนใหม่และกองทุนเก่าที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ ที่สามารถระดมทุนได้ถึง 15 กองทุนด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวมกันถึง 36,909.62 ล้านบาท ทำให้บลจ.กสิกรไทย มีสินทรัพย์รวมทั้งกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในเดือนเมษายน 2551 ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมแทนบลจ.ไทยพาณิชย์แล้ว โดยบลจ.กสิกรไทย มีสินทรัพย์รวมทั้ง 3 ธุรกิจอยู่ที่ 334,009.17 ล้านบาท ซึ่งรวมกองทุนส่วนบุคคล 35,177.41 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 51,219.46 ล้านบาทแล้ว ส่วนบลจ.ไทยพาณิชย์ มีสินทรัพย์รวม 328,558.67 ล้านบาท รวมกองทุนส่วนบุคคล 5,443.85 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 46,116.33 ล้านบาท
