xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรไทยเข็น 3 FIF ลุยหุ้นอาหรับ-ทอง พร้อมกองอสังหาฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กสิกรไทย จ่อคิว 4 กองทุนใหม่ ทั้งเอฟไอเอฟ-พร็อพเพอร์ตี้ โกยเงินเข้าพอร์ตช่วงไตรมาส 2 “วิวรรณ” เผยเตรียมเปิดตลาดใหม่ ส่งกองทุนลุยหุ้นกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ หลังเห็นศักภาพเศรษฐกิจเติบโตสูง จากอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง พร้อมเพิ่มทางเลือกลงทุนหุ้นสินค้าเกษตร และทองคำ มั่นใจยังโอกาสมี แม้ราคาขยับขึ้นไปสูงแล้ว ส่วนกองทุนอสังหา เล็งจับรีสอร์ทหรูตั้งกองทุน มูลค่าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภายในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัทจะเปิดขายกองทุนเพิ่มอีกประมาณ 4 กองทุน โดยแบ่งเป็นกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) จำนวน 3 กองทุน มูลค่าโครงการกองทุนละ 1,500 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) อีก 1 กองทุน

โดยในส่วนของกองทุนต่างประเทศนั้น ประกอบด้วยกองทุน K-AGRI, K-MENA และ K-GOLD โดยในส่วนของกองทุน K-AGRI มีนโยบายลงทุนในสินค้าเกษตร (solf commodity) ทั้งข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี ฝ้าย กาแฟ เป็นต้น โดยกองทุนจะลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนดัชนีคอมมอดิตี้ในต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้จะปรับเพิ่มสูงขึ้นไปค่อนมากแล้ว แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่สามารถลงทุนได้ เพราะสินค้าหลายประเภทมีการปรับราคาลงมาบ้าง ดังนั้น จึงไม่น่าจะช้าเกินไปที่จะตั้งกองทุนเพื่อเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้

“เราคิดว่าการออกกองทุนที่ลงทุนในสินค้าเกษตรในช่วงนี้คงไม่ช้าเกินไป เพราะสินค้าหลายประเภทก็ปรับตัวลงมาบ้างแล้ว โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาก็ให้ผลตอบแทนไปแล้วประมาณ 10%”นางวิวรรณกล่าว

สำหรับกองทุน K-MENA เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศแอฟริกาเหนือ โดยเป็นกองทุนประเภท Fund of Fund ที่ลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 4 กองทุน ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนที่มีการลงทุนอยู่ในภูมิภาคนั้นๆ อยู่แล้ว

นางวิวรรณกล่าวว่า กลุ่มประเทศตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศแอฟริกาเหนือ ถือเป็นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่น่าสนใจเหมือนกับประเทศไทยเมื่อปี 1950 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งต่างชาติยังมีการลงทุนไม่มากนัก แต่ปัจจุบัน กลุ่มประเทเหล่านี้ มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในปีนี้ที่เศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าปีแล้ว เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

โดยหุ้นที่กองทุนจะเข้าไปลงทุนนั้น ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงาน ปิโตรเคมี และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งที่ผ่านมามีการลงทุนเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก และตลาดที่กองทุนจะเข้าไปลงทุน มีทั้ง ตลาดหุ้นดูไบที่มีอยู่ 2 ตลาด จอร์แดน บาร์เรน อบูดาบี อียิปต์ เป็นต้น

ขณะที่ในส่วนของผลตอบแทนจากการลงทุนในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศแอฟริกาเหนือ ถือว่าน่าสนใจทีเดียว โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 20% แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มประเทศเหล่านี้ยังมีความเสี่ยงสูง จากความผันผวนของประเทศเกิดใหม่ที่ยังคงสูงอยู่

“กลุ่มประเทศเหล่านี้เหมือนกับไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ยังไม่มีการลงทุนมากนัก แต่ความน่าสนใจอยู่ที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ค่อนข้างดี และในปีนี้เองสูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งต่างจากหลายประเทศที่ขยายตัวลดลง”นางวิวรรณกล่าว

ส่วนกองทุน K-GOLD จะลงทุนตรงในทองคำ แต่จะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (เฮจด์) เอาไว้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา แม้ราคาทองจะปรับขึ้นไปมาแล้วแต่ก็เชื่อว่ายังมีโอกาสดีอยู่

นางวิวรรณกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จะลงทุนในรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ มูลค่าโครงการไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดของการลงทุนและผลตอบแทนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายกองทุนนี้มาแล้วทั้งหมด 12 กองทุน โดยในช่วงสัปดาห์หน้า น่าจะสามารถเปิดขายได้อีก 1 กองทุน

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเปิดขายหน่วยลงทุน "กองทุนเปิดเค อัลเทอร์เนทีฟ เอเนอร์จี้ อิควิตี้ (K-ALEN) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยกองทุนนี้จะเป็นกองทุนเปิดไม่กำหนดอายุโครงการ และเน้นลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวได้แก่ กองทุน Lyxor Dynamic Alternative Energy Fund
กำลังโหลดความคิดเห็น