xs
xsm
sm
md
lg

เงินออมไหลเข้ากองทุนความเสี่ยงต่ำ K-TREASURYเดือนเดียวโต2หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"บลจ.กสิกรไทย"เผยอัตราดอกเบี้ยต่ำดันเงินออมไหลเข้ากองทุนความเสี่ยงต่ำ " K-TREASURY"โตเพิ่ม 2 หมื่นล้านบาทภายใน 1 เดือน "วิวรรณ"ชี้นักลงทุนมีความเข้าใจนโยบายกองทุนมากขึ้น และทราบถึงความเสี่ยงลงทุนที่ต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากโดยไม่ต้องเสียภาษี พร้อมเตรียมดันกองทุนพันธบัตรระยะสั้น KTPF เสนอนักลงทุนสถาบันต่อเนื่อง ยืนยันแม้กองบอนด์เกาหลีขายดี แต่ไม่กระทบยอดกองนี้ เหตุดีมานต์มีเอื้อ เพราะนักลงทุนที่ไม่ชอบเสี่ยงยังมีอยู่

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยถึงการที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) มีขนาดเพิ่มขึ้นจากเดิมในเดือนเมษายนที่ 48,833.00 ล้านบาท เป็นจำนวนมากถึง 2 หมื่นล้านบาทมาอยู่ที่ 68,583 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนว่า เนื่องจากประชาชนเริ่มมีความเข้าใจกองทุนประเภทนี้มากขึ้น และมองว่ามีความเสี่ยงและสภาพคล่องใกล้เคียงกับการฝากเงินแบบออมทรัพย์ แต่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

ทั้งนี้ ขนาดของกองทุนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะมาจากเงินออมของประชาชนที่เดิมมักจะฝากอยู่ในธนาคาร และมีบางส่วนที่จะมาจากเงินของนักลงทุนที่นำมาพักไว้ระหว่างที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุนที่สร้างผลตอบแทนสูงในช่วงที่ผ่าน ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มีการลงทุนในกองทุนนี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

"ลูกค้าเริ่มเข้ามใจกองนี้มากขึ้นว่า ให้ผลตอบแทนสูง ขณะที่สภาพคล่องและความเสี่ยงใกล้เคียงกับเงินฝาก โดยเมื่อต้องการใช้เงินถึงแม้จะไม่ได้ทันที่ แต่ก็รอเพียง 1 วันเท่านั้น และผลการดำเนินงานของกองนี้ก็ดีด้วย ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนมากขึ้น"นางวิวรรณกล่าว

ทั้งนี้ กองทุน K-TREASURY มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการเพิ่มขึ้นเกือบ 3 หมื่นล้านบาทในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ซึ่งตลอดไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเพิ่มทุนไปแล้วถึง 6 ครั้งด้วยกัน

นางเสาวนีย์ ศรีสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทนุ (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน K-TREASURY เพิ่มขึ้นมาจากเงินออมทรัพย์ของลูกค้าเป็นส่วนใหญ่ โดยบริษัทได้ทำการตลาดในการกระตุ้นยอดการลงทุนผ่านกองทุนี้มาตั้งช่วงต้นปีที่แล้ว ซึ่งเราจะทำโฆษณาผ่านสาขาของธนาคารกสิกรไทย เพื่อให้ลูกค้ามีความเข้าใจกองทุนประเภทนี้มากขึ้น

โดยจุดเด่นของกองทุนนี้นับเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำใกล้เคียงกับเงินฝาก แต่มีสภาพคล่องสูงคือสามารถถอนได้ทุกวันทำการ อีกทั้งผลตอบแทนที่ได้ยังสูงกว่าการฝากเงินแบบออมทรัพย์ หรือฝากประจำอีกด้วย

“กองทุนนี้มีสภาพคล่องสูงถอนได้ทุกวัน และความเสี่ยงต่ำ ซึ่งที่ผ่านมาผลตอบแทนจะอยู่ที่ประมาณ 2.65% ในช่วง 3 เดือนย้อนหลัง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเงินฝากแล้วจะสูงกว่าเงินฝาก อีกทั้งผลตอบแทนที่ได้ยังไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย”นางเสวนีย์กล่าว

นางเสาวนีย์ กล่าวอีกว่า กองทุนนี้นอกจากจะขยายตัวจากฐานลูกค้าเงินฝากธนาคารแล้ว ยังมีบางส่วนที่เป็นเม็ดเงินของนักลงทุนในกองโรลโอเวอร์ประเภท 3 เดือนและ 6 เดือน เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำทำให้ผลตอบแทนที่ได้จะใกล้เคียงกันกับกองทุนนี้ แต่มีสภาพคล่องน้อยกว่าทำให้มีการสับเปลี่ยนการลงทุนเกิดขึ้น

ส่วนการไหลออกของเงินทุนจากกองทุนประเภทนี้ไปกองทุนที่มีผลตอบแทนสูงกว่าคงจะมีบ้าง แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นก็ยังคงลงทุนในกองทุนนี้อยู่ โดยสัดส่วนการลงทุน ณ ขณะนี้จะมีเงินลงทุนไหลเข้ามากกว่าการไถ่ถอน

“การโยกเงินจากมันนีมาร์เก็ตไปลงกองทุนอื่นอย่างช่วงที่ผ่านมาที่ดอกเบี้ยมันสูงก็มีอยู่ แต่ตอนนี้เงินเข้ามามากกว่าออก ส่วนกองที่ขายดี และมีผลตอบแทนสูงกว่าอย่าง กองเกาหลี ก็ไม่กระทบกับกองนี้ เพราะนักลงทุนบางคนก็เลือกลงทั้ง 2 กอง แต่ก็มีบางคนที่ไม่อย่างเสี่ยงก็จะลงกองนี้แทน”นางเสาวนีย์กล่าว

นางเสาวนีย์ กล่าวอีกว่า การใช้กองทุนประเภทนี้เป็นที่พักเงินของนักลงทุนในการ ซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ โดยจะสามารถนำเงินที่ขายหลักทรัพย์เข้ามาพักในกองทุนนี้ แล้วหักเงินจากกองทุนนี้เมื่อต้องการซื้อหลักทรัพย์นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างเจรจากับบริษัทโบรกเกอร์ ซึ่งคาดว่าจะให้บริการได้ในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่จะนำกองทุนมันนีมาร์เก็ต ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นอย่าง กองทุนเปิดกสิกรไทยตราสารรัฐระยะสั้นพลัส KTPF ไปเสนอให้กับนักลงทุนสถาบันที่ต้องการช่องทางการลงทุนที่มีสภาพคล่อง แต่ใกล้เคียงเงินฝากด้วยในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น