กบข.เตรียมเพิ่มน้ำหนักลุยหุ้นไทย เชื่อแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากพื้นฐานที่ดี และราคาถูก พร้อมเตรียมหอบเงินอีก หมื่นล้านลงทุนตลาดหุ้นเมืองนอก โดยเฉพาะตลาดอีเมอร์จิ้งมาร์เก็ตที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกน้อยที่สุด
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า กบข. มองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ และปรับลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้น หลังจากปัจจัยลบต่างๆ ภายในประเทศเริ่มคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปัจจัยภายนอกประเทศยังคงเป็นตัวแปรหลักที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงน้ำหนักไว้ที่ระดับร้อยละ 11.5 เนื่องจากมองว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม และความเสี่ยงในตลาดยอมรับได้ รวมทั้งผลตอบแทนที่ได้รับคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อ
“ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้มีความผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนของ กบข. เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่สถาบัน บริหารเงินออมระยะยาว ซึ่งยึดหลักธรรมาภิบาลในการลงทุน และมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย เป็นไปตามกรอบนโยบายคณะกรรมการการลงทุน ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนระยะยาวได้เป็นอย่างดี”นายวิสิฐกล่าว
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ กบข. มีนโยบายการลงทุนเพิ่มเติม โดยจะเพิ่มสัดส่วนอีกร้อยละ 3 คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการลงทุนเพิ่มเป็นร้อยละ 12 เนื่องจากทิศทางตลาดหุ้นในต่างประเทศมีความผันผวนลดลง
นายวิสิฐ กล่าวอีกว่า แนวทางการลงทุน กบข. จะมีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในหลายๆหลักทรัพย์ โดยทางสำนักงานจะพิจารณาการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
โดยในปัจจุบันทางสำนักงานได้เริ่มศึกษาพิจารณาการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูง ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ยังเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ การควบคุมความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ จะเป็นการลงทุนตามดัชนี Morgan Stanley Composite Index ที่ประกอบด้วยหุ้นใหญ่ของแต่ละประเทศในโลก ซึ่งเราได้ทำการลงทุนให้สอดคล้องกับดัชนี
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของ กบข. ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ พร้อมลดน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ลง และมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ อย่างเช่น กองทุนที่ลงทุนในนิติบุคคลเอกชนต่างประเทศ (Private Equity Fund) หรือลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อกระจายการลงทุนให้หลากหลาย
โดยการปรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ สืบเนื่องมาจากช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% เพื่อรอดูผลของมาตรการทางการเงินและการคลังต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลก และมีความเป็นไปได้ว่าเฟดอาจตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 4 หากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
“เงินเฟ้อกำลังกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก และเป็นแรงกดดันให้ เราต้องแสวงหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนในระดับใกล้เคียง หรือสูงกว่าเงินเฟ้อในระยะยาว ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้” นายวิสิฐกล่าว
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า กบข. มองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ และปรับลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้น หลังจากปัจจัยลบต่างๆ ภายในประเทศเริ่มคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปัจจัยภายนอกประเทศยังคงเป็นตัวแปรหลักที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงน้ำหนักไว้ที่ระดับร้อยละ 11.5 เนื่องจากมองว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม และความเสี่ยงในตลาดยอมรับได้ รวมทั้งผลตอบแทนที่ได้รับคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อ
“ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้มีความผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนของ กบข. เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่สถาบัน บริหารเงินออมระยะยาว ซึ่งยึดหลักธรรมาภิบาลในการลงทุน และมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย เป็นไปตามกรอบนโยบายคณะกรรมการการลงทุน ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนระยะยาวได้เป็นอย่างดี”นายวิสิฐกล่าว
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ กบข. มีนโยบายการลงทุนเพิ่มเติม โดยจะเพิ่มสัดส่วนอีกร้อยละ 3 คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการลงทุนเพิ่มเป็นร้อยละ 12 เนื่องจากทิศทางตลาดหุ้นในต่างประเทศมีความผันผวนลดลง
นายวิสิฐ กล่าวอีกว่า แนวทางการลงทุน กบข. จะมีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในหลายๆหลักทรัพย์ โดยทางสำนักงานจะพิจารณาการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
โดยในปัจจุบันทางสำนักงานได้เริ่มศึกษาพิจารณาการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูง ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นอกจากนี้ยังเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ การควบคุมความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ จะเป็นการลงทุนตามดัชนี Morgan Stanley Composite Index ที่ประกอบด้วยหุ้นใหญ่ของแต่ละประเทศในโลก ซึ่งเราได้ทำการลงทุนให้สอดคล้องกับดัชนี
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของ กบข. ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ พร้อมลดน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ลง และมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ อย่างเช่น กองทุนที่ลงทุนในนิติบุคคลเอกชนต่างประเทศ (Private Equity Fund) หรือลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อกระจายการลงทุนให้หลากหลาย
โดยการปรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ สืบเนื่องมาจากช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% เพื่อรอดูผลของมาตรการทางการเงินและการคลังต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลก และมีความเป็นไปได้ว่าเฟดอาจตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 4 หากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
“เงินเฟ้อกำลังกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก และเป็นแรงกดดันให้ เราต้องแสวงหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนในระดับใกล้เคียง หรือสูงกว่าเงินเฟ้อในระยะยาว ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้” นายวิสิฐกล่าว
