นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนประเภทตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ต่างประเทศ1 ปี7 ( KTFIF1Y7) และกองทุนรวมกรุงไทยตราสารการเงินคุ้มครองเงินต้น 39 ( KT3M39) ระหว่างวันที่ 10 -16 มิถุนายน 2551
โดยกองทุน KTFIF1Y7 มีอายุประมาณ 10 -12 เดือน มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศเป็นหลัก เช่น พันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น
สำหรับ แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ อายุ1 ปีขณะนี้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้มีอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลวอนต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนการทำป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ปรับลดลงมากกว่า จึงทำให้ผลตอบแทนสุทธิจากการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ เมื่อแปลงกลับเป็นสกุลบาทยังอยู่ในระดับที่สูง โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ประมาณ 4.50% -4.70% ต่อปี
ส่วนกองทุน KT3M39 มีอายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารที่มุ่งจะก่อให้เกิดความคุ้มครองเงินต้น ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือ บัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ หรือบัตรเงินฝาก ที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก หรือทรัพย์สินอื่นที่มีความเสี่ยงต่ำหรือมีความเสี่ยงเทียบเคียงได้กับตราสารภาครัฐไทย มูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 98 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนKT3M39 จะเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และต้องการลงทุนในกองทุนที่คุ้มครองเงินต้น พร้อมทั้งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ โดยปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารประจำ3 เดือนอยู่ที่ 2.00% ต่อปี และถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15% โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ประมาณ 3.10 - 3.15% ต่อปี
นายสมชัย กล่าวอีกว่า กองทุนเปิดกรุงไทยโกลบอล เทรเชอรี่ ฟันด์ 1 ( KTGT1) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Dollar Fund หรือ Sterling Fund หรือ Euro Fund ประเภทกองทุนรวมตลาดเงิน ภายใต้ Global Treasury Funds ที่บริหารกองทุนโดย RBS Asset management (Dublin) Limited นั้น ขณะนี้กองทุนจะได้รับส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2.14 บาท ต่อ1 ปอนด์สเตอร์ริง หรือประมาณ 3.3 %
ทั้งนี้ เนื่องจากแนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐอยู่ที่ 33.40 บาท และค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับ Pound Sterling อยู่ที่ 65.74 บาท ทั้งนี้ นับจากวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่กองทุนเริ่มลงทุนในกองทุนดังกล่าว ค่าเงินบาทอยู่ที่ 63.60 บาทต่อปอนด์
นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนนี้ยังมีโอกาสได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุน Global Treasury Funds ที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุน ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2551 อยู่ที่ 10.1428 บาทต่อหน่วย
โดยกองทุน KTFIF1Y7 มีอายุประมาณ 10 -12 เดือน มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ หรือตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศเป็นหลัก เช่น พันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น
สำหรับ แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ อายุ1 ปีขณะนี้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้มีอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลวอนต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนการทำป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ปรับลดลงมากกว่า จึงทำให้ผลตอบแทนสุทธิจากการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ เมื่อแปลงกลับเป็นสกุลบาทยังอยู่ในระดับที่สูง โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ประมาณ 4.50% -4.70% ต่อปี
ส่วนกองทุน KT3M39 มีอายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารที่มุ่งจะก่อให้เกิดความคุ้มครองเงินต้น ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือ บัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ หรือบัตรเงินฝาก ที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก หรือทรัพย์สินอื่นที่มีความเสี่ยงต่ำหรือมีความเสี่ยงเทียบเคียงได้กับตราสารภาครัฐไทย มูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 98 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนKT3M39 จะเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และต้องการลงทุนในกองทุนที่คุ้มครองเงินต้น พร้อมทั้งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ โดยปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารประจำ3 เดือนอยู่ที่ 2.00% ต่อปี และถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15% โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ประมาณ 3.10 - 3.15% ต่อปี
นายสมชัย กล่าวอีกว่า กองทุนเปิดกรุงไทยโกลบอล เทรเชอรี่ ฟันด์ 1 ( KTGT1) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Dollar Fund หรือ Sterling Fund หรือ Euro Fund ประเภทกองทุนรวมตลาดเงิน ภายใต้ Global Treasury Funds ที่บริหารกองทุนโดย RBS Asset management (Dublin) Limited นั้น ขณะนี้กองทุนจะได้รับส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2.14 บาท ต่อ1 ปอนด์สเตอร์ริง หรือประมาณ 3.3 %
ทั้งนี้ เนื่องจากแนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐอยู่ที่ 33.40 บาท และค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับ Pound Sterling อยู่ที่ 65.74 บาท ทั้งนี้ นับจากวันที่ 26 พฤษภาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่กองทุนเริ่มลงทุนในกองทุนดังกล่าว ค่าเงินบาทอยู่ที่ 63.60 บาทต่อปอนด์
นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนนี้ยังมีโอกาสได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุน Global Treasury Funds ที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุน ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2551 อยู่ที่ 10.1428 บาทต่อหน่วย
