ทราบ และรู้จักกันเป็นอย่างดีสำหรับตลาดเกิดใหม่ หรืออีเมอร์จิ้งมาร์เก็ต ซึ่งมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจเอื้ออำนวยต่อการลงทุน
ใครจะรู้บ้างนอกเหนือจากกลุ่มประเทศที่ว่านี้ ยังมีตลาดอื่นที่น่าสนใจอีกเช่นกัน ภายใต้ชื่อที่ได้รับขนานนามคล้ายสาวงามอย่าง MENA อันมีที่มาจาก ME ที่หมายถึง Middle East และ NA คือ Nort Africa หรือจะเรียกว่า กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และแอฟริการเหนือได้เช่นกัน
ว่าแต่มันเกี่ยวข้องอย่างไรกับคอลัมณ์ "MutualFund IPO" ในวันนี้ ต้องขอบอกว่าเกี่ยวอย่างจังเลย เพราะมีกองทุนใหม่ 1 กองทุน ที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศแถบ ซึ่งถือเป็นกองทุนแรกของไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ไม่ใช่อื่นไกลผู้ที่มองเห็นโอกาสในกลุ่มประเทศเหล่านี้คือ บลจ.กสิกรไทย นั่นเอง โดยกองทุนใหม่นี่มีชื่อว่า กองทุนเปิด K-MENA เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนประเภทตราสารแห่งทุนที่มีนโยบายลงทุนในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือและภูมิภาคใกล้เคียง ในลักษณะ Fund of Fund นอกจากนี้กองทุนยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้งจากผลการดำเนินงานของกองทุนอีกด้วย
สำหรับกองทุนนี้จะมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนครั้งแรกไปตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2551 แต่ยังมีเวลาเหลือให้จับจองหน่วยลงทุนกันอีกประมาณ 4 วันจนกว่าจะถึงวันที่ 12 มิถุนายนนี้
แล้วการลงทุนในภูมิภาคนี้มีความน่าสนใจอย่างไร วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกไทย จำกัด เล่าว่า ศักยภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนของประเทศในกลุ่มนี้มีอยู่หลายด้านประกอบกัน ทั้งในเรื่องของการเป็นแหล่งทรัพยากรพลังงานของโลก โดยมีปริมาณน้ำมันสำรองถึง 70% ของปริมาณสำรองโลก และการขยายตัวของ จีดีพี ภายในประเทศที่สูงถึง 5.8% ในปี 2007 และคาดว่าสูงถึง 6.1% ในปีนี้
นอกจากนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งมีรายได้ประมาณ 5 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อปี ทำให้มีโครงการที่จะ ก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การเงิน การบริการ และปิโตรเคมี มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5-10 ปีต่อจากนี้
นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นมีการคาดว่าจะขยายตัวสูงกว่า 20-25% ในขณะที่ค่า P/E อยู่ที่ 15 เท่า ซึ่งถูกกว่าประเทศในตลาดเกิดใหม่ แต่มีการเติบโตที่สูงกว่า และการขยายตัวเช่นนี้ถือว่ายังไม่น่ากลัวเกินไป เพราะสถิติที่ผ่านมาประเทศในแถบนี้เคยเติบโตมากกว่านี้ และมีค่า P/E สูงถึง 40 เท่าเลยทีเดียวในช่วงปี 2005-2006
“ความน่าสนใจของตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ จะอยู่ที่การส่งเสริมการจดทะเบียนของบริษัทขนาดใหญ่ โดยในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีกว่า 2,000 ที่รอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นในอนาคต”
ส่วนความกังวลเรื่องปัญหาสงคราม หรือการก่อการร้ายนั้น วิวรรณ บอกว่า สงครามหรือความไม่สงบที่จะส่งผลกระทบให้ความลงทุนมีความเสี่ยงนั้น จากสถาการณ์ในปัจจุบันมักจะมีผลกระทบแค่ในประเทศที่เกิดเหตุเท่านั้น ซึ่งจากสถิติแล้วผลกระทบดังกล่าวจะกลับฟื้นมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการลงทุนในกองทุนนี้เองยังหลีกเลี่ยงการลงทุนในประเทศที่มีความเสี่ยงมากอย่าง อีรัก และอีหร่าานด้วน แต่หากมองเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นแล้ว เชื่อว่าประเทศเหล่านี้เองไม่อยากให้มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นเช่นกัน โดยขณะนี้อีรักเองมีความพยายามปรับตัวในเรื่องการส่งออกน้ำมัน และปรับปรุงระบบต่างๆ เพื่อให้มีการส่งออกได้มากขึ้น หลังจากที่ก่อนหนัานี้ต้องเผชิญกับปัญหาสงคราม
"จากนี้ต่อไปเรื่องความรุนแรงจะเห็นน้อยลง และหากมองราคาน้ำมันที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลล์แล้ว ตอนนี้แต่ละประเทศจะมุ่งเรื่องการส่งออกน้ำมันมากกว่า อีรักเองยังหันมาดูแลในเรื่องของท่อและระบบส่งน้ำมัน หลังจากต้องจดจ่อกับเรื่องของสงครามมานาน อีกทั้งมาตรการป้องกันต่างที่ได้สัมผัสมาดูจะเข้มงวดเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรการลงทุนของกองทุนนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนแบบแอททีฟได้ โดยจะโยกเงินไปลงทุนในแอฟริกาเหนือได้อีกด้วย"นางวิวรรณกล่าว
เห็นแนวโน้มการเติบโตแบบนี้แล้ว นักลงทุนท่านใดสนใจสามารถติดต่อได้ที่ บลจ.กสิกรไทย หรือที่สาขาธนาคารกสิกรไทย หลังจากนี้คงจะมีโอกาสได้แนะนำกองทุนใหม่ให้กับนักลงทุนได้เลือกลงทุนอีก ซึ่งช่วงนี้นอกจากองทุนเปิด K-MENA แล้ว บลจ.กสิกรไทยเขายังเตรียมเปิดขายกองทุนต่างประเทศอีก 2 กองทุนได้แก่
กองทุนเปิดเค อะกริคัลเจอร์ (K-AGRI) ซึ่งเปิดขายครั้งแรกวันที่ 17-25 มิถุนายน 2551 และกองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) เปิดขายครั้งแรกภายในเดือนกรกฎาคม 2551 ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรไว้จะนำเสนอให้ผู้อ่านได้ทราบกันในตอนต่อๆ ไปแล้วกัน