บลจ.นครหลวงไทยพอใจผลการปิดจองกองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ 2 และกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 3/1 หลังจากระดมทุนรวมกันได้ 1,361 ล้านบาท ผู้บริหารระบุแบงก์พาณิชย์ออกหุ้นกู้ขายช่วงเดียวกัน 2-3 ราย ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น เล็งออกกองทุนเอฟไอเอฟอีก 1 กองทุน เน้นลงทุนในพันธบัตรออสเตรเลีย มูลค่า 1,300 ล้านบาท อายุโครงการ 1 ปี คาดเปิดไอพีโอได้ประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนนี้
นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากการที่บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ 2 (SCI NZ Bond 2) และกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 3/1 (SCI KO Bond 3/1) โดยได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวพร้อมกันระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน 2551 นั้น ปรากฏว่ากองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ 2 สามารถระดมทุนได้ประมาณ 881 ล้านบาท ขณะที่กองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 3/1 ระดมทุนได้ 478 ล้านบาท
สำหรับยอดเงินระดมทุนครั้งนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากในช่วงเดียวกันนี้ธนาคารพาณิชย์มีการออกหุ้นกู้มาขาย 2-3 ราย ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น โดยบริษัทจะพยายามทยอยออกกองทุนประเภทดังกล่าวมาเป็นระยะ เพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับลูกค้า แต่ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะ และโอกาสในอนาคตเป็นสำคัญ
ส่วนกองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ 2 เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto redemption) ครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ และเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific Fund) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 2 เดือน ซึ่งจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศนิวซีแลนด์เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ได้รับความน่าเชื่อถือ AAA ขึ้นไปโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือ ธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
อนึ่ง กองทุนดังกล่าวประมาณการอัตรารับซื้อคืนอัตโนมัติของกองทุนเท่ากับ 5.92% ต่อปี โดยจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนิวซีแลนด์ ที่สามารถให้ผลตอบแทน 6.74% ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 95% และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี 2 เดือน และลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่สามารถให้ผลตอบแทน 3.44% ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 5% และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี
ขณะที่กองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 3/1 เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ และเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 6 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ออกโดย Korean Development Bank (KDB) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ F1 โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นอกจากนี้ กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุน ลงทุนได้ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการเข้าทำธุรกรรมกับคู่สัญญาต่างประเทศนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ทราบ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน หรือธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
นายนที กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ (FIF) จำนวน 1 กองทุน มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี โดยจะลงทุนในพันธบัตรออสเตรเลีย ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ AAA ขึ้นไป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนเพิ่มเติม สำหรับนักลงทุนที่มีความคุ้นเคยกับการลงทุนในกองทุนเปิดพันธบัตรนิวซีแลนด์แล้ว อาจจะกระจายความเสี่ยงโดยหันมาลงทุนในกองทุนเปิดพันธบัตรออสเตรเลียบ้าง ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนับว่ามีปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ และนโยบายค่อนข้างใกล้เคียงกัน และอัตราแลกเปลี่ยนมีทิศทางไปทางเดียวกัน รวมทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจด้วย คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายได้ประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายนนี้
นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากการที่บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ 2 (SCI NZ Bond 2) และกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 3/1 (SCI KO Bond 3/1) โดยได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวพร้อมกันระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน 2551 นั้น ปรากฏว่ากองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ 2 สามารถระดมทุนได้ประมาณ 881 ล้านบาท ขณะที่กองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 3/1 ระดมทุนได้ 478 ล้านบาท
สำหรับยอดเงินระดมทุนครั้งนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากในช่วงเดียวกันนี้ธนาคารพาณิชย์มีการออกหุ้นกู้มาขาย 2-3 ราย ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น โดยบริษัทจะพยายามทยอยออกกองทุนประเภทดังกล่าวมาเป็นระยะ เพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับลูกค้า แต่ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะ และโอกาสในอนาคตเป็นสำคัญ
ส่วนกองทุนเปิดเอสซีไอ นิวซีแลนด์ บอนด์ 2 เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto redemption) ครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ และเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific Fund) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี 2 เดือน ซึ่งจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศนิวซีแลนด์เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ได้รับความน่าเชื่อถือ AAA ขึ้นไปโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือ ธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
อนึ่ง กองทุนดังกล่าวประมาณการอัตรารับซื้อคืนอัตโนมัติของกองทุนเท่ากับ 5.92% ต่อปี โดยจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนิวซีแลนด์ ที่สามารถให้ผลตอบแทน 6.74% ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 95% และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี 2 เดือน และลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่สามารถให้ผลตอบแทน 3.44% ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 5% และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี
ขณะที่กองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 3/1 เป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยบริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งเดียวในวันครบกำหนดอายุของโครงการ และเป็นโครงการที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 6 เดือน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ออกโดย Korean Development Bank (KDB) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ F1 โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นอกจากนี้ กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุน ลงทุนได้ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการเข้าทำธุรกรรมกับคู่สัญญาต่างประเทศนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ทราบ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน หรือธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
นายนที กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ (FIF) จำนวน 1 กองทุน มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี โดยจะลงทุนในพันธบัตรออสเตรเลีย ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ AAA ขึ้นไป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนเพิ่มเติม สำหรับนักลงทุนที่มีความคุ้นเคยกับการลงทุนในกองทุนเปิดพันธบัตรนิวซีแลนด์แล้ว อาจจะกระจายความเสี่ยงโดยหันมาลงทุนในกองทุนเปิดพันธบัตรออสเตรเลียบ้าง ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนับว่ามีปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ และนโยบายค่อนข้างใกล้เคียงกัน และอัตราแลกเปลี่ยนมีทิศทางไปทางเดียวกัน รวมทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจด้วย คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายได้ประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายนนี้