บลจ.ทิสโก้ ครองแชมป์ Provident Fund โดย ณ สิ้นเดือนเมษายน 2551 มีจำนวนเงินกองทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมกว่า 300 ล้านบาท ขณะที่จำนวนเงินกองทุนทั้งระบบเพิ่มขึ้นกว่า 1,900 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.42% ด้านผู้บริหาร บลจ. ฟินั้นซ่า เผย เตียมออกระบบ "เอ็มเพอร์ยีชอยท์" ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อรองรับ พ.ร.บ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับใหม่
รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยถึงจำนวนเงินของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ทั้งระบบ ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 ว่า ทั้งระบบมีจำนวนเงินกองทุนรวมทั้งสิ้น 455,097.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,901.52 ล้านบาท หรือ 0.42% จากเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 453,195.68 ล้านบาท
โดย 10 บริษัทจัดการที่มีจำนวนเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2551 สูงที่สุด ได้แก่ อันดับ 1 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด มีจำนวนเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนเมษายน จำนวน 64,746.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 351.79 ล้านบาท หรือ 0.05% จากเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 64,349.25 ล้านบาท , อันดับ 2 บลจ. กรุงไทย สิ้นเดือนเมษายน มีจำนวนเงินกองทุน 62,685.90ล้านบาท ลดลง 61.67 ล้านบาท หรือ 0.10% จากสิ้นเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 62,747.57 ล้านบาท
อันดับ 3 บลจ. เอ็มเอฟซี มีจำนวนเงินกองทุนเมื่อสิ้นเดือนเมษายน 54,322.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 314.42 ล้านบาท หรือ 0.58% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 54,008.43 ล้านบาท , อันดับ 4 บลจ. กสิกรไทย มีจำนวนเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนเมษายน จำนวน 51,219.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 391.99 ล้านบาท หรือ 0.77% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 50,827.47 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน อันดับ 5 บลจ. ไทยพาณิชย์ สิ้นเดือนเมษายนมีจำนวนเงินกองทุน 46,116.33 ล้านบาท ลดลง 507.82 ล้านบาท หรือ 1.09% จากสิ้นเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 46,624.15 ล้านบาท , อันดับ 6 บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) สิ้นเดือนเมษายน มีจำนวนเงินกองทุน 42,268.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 333.83 ล้านบาท หรือ 0.80% จากสิ้นเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 41,934.98ล้านบาท
ส่วนอันดับ 7 คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีจำนวนเงินกองทุนสิ้นเดือนเมษายน 2551 จำนวน 40,326.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น457.04 ล้านบาท คิดเป็น1.15% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน39,869.91 ล้านบาท และ อันดับ 8 บลจ. ฟินันซ่า มีจำนวนเงินกองทุนเมื่อสิ้นเดือนเมษายน 18,654.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น172.21 ล้านบาท หรือ 0.93% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 18,481.85 ล้านบาท
อันดับ 9 บลจ. บีที มีจำนวนเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนเมษายน จำนวน 17,696.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น112.85 ล้านบาท หรือ 0.64% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 17,589.32 ล้านบาท และอันดับ 10 บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (AIA) ที่สิ้นเดือนเมษายน มีจำนวนเงินกองทุน 15,887.06 ล้านบาท ลดลง 222.13 ล้านบาท หรือ 1.38% จากสิ้นเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 16,109.19 ล้านบาท
นายธีระ ภู่ตระกูล ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ของบริษัทจัดอยู่ในอันดับที่ 8 หรือมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 5% ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งหมด ทั้งนี้ บริษัทกำลังปรับระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหม่ให้เป็นแบบเอ็มเพอร์ยีชอยท์ เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าเลือกการลงทุนของตัวเองได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ และเพื่อรองรับกับพ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าระบบดังกล่าวจะสามารถเสร็จสิ้นและให้บริการแก่นักลงทุนได้ในช่วงสิ้นเดือนกันยาน 2551 นี้
โดยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ของบริษัท ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือนเมษายน 2551 พบว่าเงินที่เข้าระบบในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (โพรวิเดนท์ฟันด์) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้นขณะนี้อยู่ที่ 18,700 ล้านบาท และที่เหลือได้จากธุรกิจกองทุนรวมต่างๆ
“ระบบใหม่ที่บริษัทกำลังพัฒนานี้ นอกจากนี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการลงทุนให้แก่สมกชิกแล้ว ยังช่วยสร้างผลตอบแทนที่เหมาะให้แก่สมาชิกด้วย โดยในส่วนของบริษัทนั้นก็จะได้ในเรื่องของรายได้และผลตอบแทนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเริ่มที่จะใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เป็นผลให้บริษัทเริ่มหันมาเน้นในกี่ดำเนินธุรกิจกองทุนรวมด้วย”นายธีระ กล่าว
ส่วนกลยุทธ์ ในการทำตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น บริษัทจะเข้าไปทำการติดต่อกับลูกค้าและสมาชิกโดยตรง ซึ่งจะเข้าไปทางผู้บริหารเป็นหลัก และล่าสุดเมื่อเดือน เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ เข้ามาเพิ่มเป็นสมาชิกใหม่
ทั้งนี้ บริษัทมีสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 300,000 ราย ซึ่งประกอบไปด้วยลูกค้ารายใหญ่ทั้งที่เป็นบริษัทในประเทศและบริษัทต่างชาติ เช่น ธนาคารกรุงเทพ , ธนาคารซิตี้แบงก์ , กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับลูกจ้างประจำในส่วนราชการ (กสจ.) ซึ่งบริหารร่วมกับ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) โรงแรมแชงกีล่า , โรงแรมเซ็นทารา , โรงแรมคอนราด, บริษัทกรีนสปอร์ต , บริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เป็นต้น
รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยถึงจำนวนเงินของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ทั้งระบบ ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 ว่า ทั้งระบบมีจำนวนเงินกองทุนรวมทั้งสิ้น 455,097.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,901.52 ล้านบาท หรือ 0.42% จากเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 453,195.68 ล้านบาท
โดย 10 บริษัทจัดการที่มีจำนวนเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2551 สูงที่สุด ได้แก่ อันดับ 1 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด มีจำนวนเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนเมษายน จำนวน 64,746.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 351.79 ล้านบาท หรือ 0.05% จากเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 64,349.25 ล้านบาท , อันดับ 2 บลจ. กรุงไทย สิ้นเดือนเมษายน มีจำนวนเงินกองทุน 62,685.90ล้านบาท ลดลง 61.67 ล้านบาท หรือ 0.10% จากสิ้นเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 62,747.57 ล้านบาท
อันดับ 3 บลจ. เอ็มเอฟซี มีจำนวนเงินกองทุนเมื่อสิ้นเดือนเมษายน 54,322.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 314.42 ล้านบาท หรือ 0.58% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 54,008.43 ล้านบาท , อันดับ 4 บลจ. กสิกรไทย มีจำนวนเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนเมษายน จำนวน 51,219.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 391.99 ล้านบาท หรือ 0.77% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 50,827.47 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน อันดับ 5 บลจ. ไทยพาณิชย์ สิ้นเดือนเมษายนมีจำนวนเงินกองทุน 46,116.33 ล้านบาท ลดลง 507.82 ล้านบาท หรือ 1.09% จากสิ้นเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 46,624.15 ล้านบาท , อันดับ 6 บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) สิ้นเดือนเมษายน มีจำนวนเงินกองทุน 42,268.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 333.83 ล้านบาท หรือ 0.80% จากสิ้นเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 41,934.98ล้านบาท
ส่วนอันดับ 7 คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีจำนวนเงินกองทุนสิ้นเดือนเมษายน 2551 จำนวน 40,326.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น457.04 ล้านบาท คิดเป็น1.15% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน39,869.91 ล้านบาท และ อันดับ 8 บลจ. ฟินันซ่า มีจำนวนเงินกองทุนเมื่อสิ้นเดือนเมษายน 18,654.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น172.21 ล้านบาท หรือ 0.93% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 18,481.85 ล้านบาท
อันดับ 9 บลจ. บีที มีจำนวนเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนเมษายน จำนวน 17,696.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น112.85 ล้านบาท หรือ 0.64% จากสิ้นเดือนมีนาคม ที่มีจำนวนเงินกองทุน 17,589.32 ล้านบาท และอันดับ 10 บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (AIA) ที่สิ้นเดือนเมษายน มีจำนวนเงินกองทุน 15,887.06 ล้านบาท ลดลง 222.13 ล้านบาท หรือ 1.38% จากสิ้นเดือนมีนาคมที่มีจำนวนเงินกองทุน 16,109.19 ล้านบาท
นายธีระ ภู่ตระกูล ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ของบริษัทจัดอยู่ในอันดับที่ 8 หรือมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 5% ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งหมด ทั้งนี้ บริษัทกำลังปรับระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหม่ให้เป็นแบบเอ็มเพอร์ยีชอยท์ เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าเลือกการลงทุนของตัวเองได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ และเพื่อรองรับกับพ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าระบบดังกล่าวจะสามารถเสร็จสิ้นและให้บริการแก่นักลงทุนได้ในช่วงสิ้นเดือนกันยาน 2551 นี้
โดยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ของบริษัท ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือนเมษายน 2551 พบว่าเงินที่เข้าระบบในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (โพรวิเดนท์ฟันด์) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้นขณะนี้อยู่ที่ 18,700 ล้านบาท และที่เหลือได้จากธุรกิจกองทุนรวมต่างๆ
“ระบบใหม่ที่บริษัทกำลังพัฒนานี้ นอกจากนี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการลงทุนให้แก่สมกชิกแล้ว ยังช่วยสร้างผลตอบแทนที่เหมาะให้แก่สมาชิกด้วย โดยในส่วนของบริษัทนั้นก็จะได้ในเรื่องของรายได้และผลตอบแทนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเริ่มที่จะใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เป็นผลให้บริษัทเริ่มหันมาเน้นในกี่ดำเนินธุรกิจกองทุนรวมด้วย”นายธีระ กล่าว
ส่วนกลยุทธ์ ในการทำตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น บริษัทจะเข้าไปทำการติดต่อกับลูกค้าและสมาชิกโดยตรง ซึ่งจะเข้าไปทางผู้บริหารเป็นหลัก และล่าสุดเมื่อเดือน เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ เข้ามาเพิ่มเป็นสมาชิกใหม่
ทั้งนี้ บริษัทมีสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 300,000 ราย ซึ่งประกอบไปด้วยลูกค้ารายใหญ่ทั้งที่เป็นบริษัทในประเทศและบริษัทต่างชาติ เช่น ธนาคารกรุงเทพ , ธนาคารซิตี้แบงก์ , กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับลูกจ้างประจำในส่วนราชการ (กสจ.) ซึ่งบริหารร่วมกับ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) โรงแรมแชงกีล่า , โรงแรมเซ็นทารา , โรงแรมคอนราด, บริษัทกรีนสปอร์ต , บริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เป็นต้น
