xs
xsm
sm
md
lg

ฟินันซ่าปลื้มAUMขยายตัว2หมื่นล. เล็งเข็นFIFลุยโครงสร้างพื้นฐาน-พลังงานทางเลือก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. ฟินันซ่า โชว์ยอดเอยูเอ็มภายใต้การบริหารกว่า 20,000 ล้านบาท ผู้บริหารพอใจมีการเติบโตต่อเนื่องทั้งจากธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนรวม ล่าสุดเพิ่มเซ็นสัญญากับ “โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ”เข้าเป็นสมาชิกใหม่โพรวิเดนท์ ฟันด์ ส่วนกองทุนรวมแม้มีเม็ดเงินแค่ประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่สร้างรายได้ถึง 48% ยืนยันปีนี้เปิดกองใหม่เพิ่ม เล็งลงทุนทั้งโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานทางเลือก แถมท้ายด้วยกองอนุพันธ์ ที่รอเพียงก.ล.ต.อนุมัติ

นายธีระ ภู่ตระกูล ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ของบริษัท ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามูลค่าเอยูเอ็ม ของบริษัทมีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่แล้วเงินที่เข้าระบบมากที่สุดมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (โพรวิเดนท์ฟันด์) ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้นขณะนี้อยู่ที่ 18,700 ล้านบาท และที่เหลือได้จากธุรกิจกองทุนรวมต่างๆ

โดยปัจจุบัน ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ของบริษัทจัดอยู่ในอันดับที่ 7 หรือมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 5% ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งหมด ทั้งนี้ บริษัทกำลังปรับระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใหม่ให้เป็นแบบเอ็มเพอร์ยีช้อย เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าเลือกการลงทุนของตัวเองได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ และเพื่อรองรับกับพ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าระบบดังกล่าวจะสามารถเสร็จสิ้นและให้บริการแก่นักลงทุนได้ในช่วงสิ้นเดือนกันยาน 2551 นี้

“ระบบใหม่ที่บริษัทกำลังพัฒนานี้ นอกจากนี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการลงทุนให้แก่สมกชิกแล้ว ยังช่วยสร้างผลตอบแทนที่เหมาะให้แก่สมาชิกด้วย โดยในส่วนของบริษัทนั้นก็จะได้ในเรื่องของรายได้และผลตอบแทนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเริ่มที่จะใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เป็นผลให้บริษัทเริ่มหันมาเน้นในกี่ดำเนินธุรกิจกองทุนรวมด้วย”นายธีระ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 300,000 ราย ซึ่งประกอบไปด้วยลูกค้ารายใหญ่ทั้งที่เป็นบริษัทในประเทศและบริษัทต่างชาติ เช่น ธนาคารกรุงเทพ , ธนาคารซิตี้แบงก์ , กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับลูกจ้างประจำในส่วนราชการ (กสจ.) ซึ่งบริหารร่วมกับ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) โรงแรมแชงกีล่า , โรงแรมเซ็นทารา , โรงแรมคอนราด, บริษัทกรีนสปอร์ต , บริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เป็นต้น

สำหรับกลยุทธ์ ในการทำตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น บริษัทจะเข้าไปทำการติดต่อกับลูกค่และสมาชิกโดยตรง ซึ่งจะเข้าไปทางผู้บริหารเป็นหลัก และล่าสุดเมื่อเดือน เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ เข้ามาเพิ่มเป็นสมาชิกใหม่

นายธีระ กล่าวเพิ่มเติมถึงรายได้ในส่วนธุรกิจกองทุนรวมว่า แม้ปัจจุบันจะมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของทุกกองทุนภายใต้การบริหารรวมกันประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท หรือประมาณ 5% จากสัดส่วนมูลค่าเอยูเอ็ม แต่สามารถสร้างให้บริษัทได้ถึงประมาณ 48%ของรายได้ทั้งหมด ดังนั้นเชื่อว่าในอนาคตเมื่อมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมขยายตัวเพิ่มขึ้น จะช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน

“ฟินันซ่าเพิ่งเริ่มดำเนินกิจการบลจ.มาได้ประมาณ 3 ปีก่อน โดยที่ผ่านมาพอร์ตการลงทุนจะมีแต่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แต่เราได้พัฒนาโปรดักต์จนสามารถออกกองทุนรวมประเภทต่างๆออกมาครบตามความต้องการของตลาดและนักลงทุนได้แล้ว ยกเว้นเพียงกองทุนประเภทตราสารหนี้ หรือกองทุนตลาดเงิน เพราะมองว่าให้ผลตอบแทนจากการลงทุนแค่เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามกองทุนของบริษัทที่เปิดจำหน่ายในปัจจุบันก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้ในระดับสูง”

ส่วนแผนการดำเนินงานในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนในลักษณะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว บริษัทมีความสนใจที่จะออกกกองทุนเพื่อเข้าไปลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟาสตรัคเจอร์) โดยเฉพาะในประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม ซึ่งยังต้องการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ทางด่วน ฯลฯ และมีโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว นอกจากนี้จากธรณีพิบัติ (แผ่นดินไหว)ที่มลฑล เสฉวน ในจีน รัฐบาลย่อมดำเนินการก่อสร้างและฟื้นฟูระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ จึงสร้างความน่าสนใจในการเข้าลงทุนด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมออกกองทุนที่เกี่ยวกับ พลังงานทดแทน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม พลังงานนิวเคลียร์ สาเหตุที่บริษัทจะออกกองทุนดังกล่าวนั้น เนื่องจากว่าขณะนี้ราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซี่งจะส่งผลให้กองทุนประเภทดังกล่าวมีความน่าสนใจและคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนด้วย

นอกจากนี้แล้วบริษัทยังมีแผนที่จะออกกองทุนอนุพันธ์ โดยขณะนี้ได้ยื่นเรื่องขอการอนุมัติไปให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณา แล้ว เหลืออยู่เพียงรอขั้นตอนการอนุมัติ ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ภายในปีนี้

“เราตั้งใจและได้กำหนดแผนไว้แล้วว่าในปีนี้เราจะมีการจัดตั้งกองทุนใหม่ออกมานำเสนอนักลงทุน อย่างน้อย 1 กองทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนพลังงานทางเลือก หรืออาจจะเป็นการจัดตั้งกองทุนที่มีการลงทุนในทั้ง 2 ลักษณะภายในกองทุนเดียวกันก็เป็นไปได้”นายธีระ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น