บลจ.กสิกรไทยชี้ลดระยะเวลาการจ่ายเงิน เปลี่ยนT+1 เป็น T+0 ทำลำบาก ติดหลายขั้นตอน แต่ชี้ช่องความเป็นไปได้หากซื้อขายในแต่ละวันแม๊ตกัน พร้อมระบุการกำหนดเวลาจ่ายเงินมีผลบวกเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนจะสามารถกำหนดแนวทางการทำธุรกรรมได้ตามแผนที่วางไว้
นางสาวเอื้อพันธ์ เพ็ชราภรณ์ ผู้บริหารฝ่ายบริหารผู้ลงทุนและทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า การให้บริการไถ่ถอนหน่วยลงทุนของกองทุนประเภทมันนี่มาร์เก็ตตามระยะเวลา T+1 หรือ 1 วันหลังจากแจ้งความจำนงในการขายคือหน่วยลงทุน ทางบริษัทจะมีกรอบการจ่ายเงินตามรอบระยะเวลาที่ตกลงไว้กับทางธนาคารกสิกรไทยคือ ตั้งแต่ 11.30-12.00 น. และจะคำนวณมูลค่าหน่วยลงทุนที่ได้ ณ สิ้นวันทำการของวันที่มีการขายคืนหน่วยลงทุน
อย่างไรก็ตาม การขายคืนหน่วยลงทุนจะสามารถทำได้ไม่เกินเวลา 15.00 น. เนื่องจากจะต้องทำการคำนวณให้เหมาะสมในกรณีที่มีการขายคืนหน่วยลงทุนเป็นจำนวณมาก และจำเป็นที่จะต้องมีการขายสินทรัพย์ หรือตราสารที่กองทุนถืออยู่ไว้ออกไป
“การถอนหน่วยลงทุนในกองมันนี่มาร์เก็ตเราจะจ่ายตามรอบแบงก์ ซึ่งวันที่นักลงทุนขายจะกำหนดให้ไม่เกินเวลา 3 โมง เพราะจะต้องมีเวลาเหลือเอาไว้ก่อนที่ตลาดตราสารหนี้จะปิด โดยฟันด์เมเนเจอร์จะดูยื้อเวลาเผื่อเอาไว้ หากจำเป็นต้องเทรดตราสารออกไป เนื่องจากอยากให้มันมีประสิทธิภาพสูงสุด”นางเอื้อพันธ์กล่าว
นอกจากนี้ การล็อกเวลาในการจ่ายหน่วยลงทุนให้ตรงตามเวลาเองน่าจะมีประโยชน์ต่อนักลงทุน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะสามารถใช้เงินได้เมื่อไร อีกทั้งยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือของบริษัทอีกด้วย เนื่องจากนักลงทุนจะมองเรื่องความน่าเชื่อถือเป็นหลัก และหากเร่งรัดให้เร็วเกินไป แต่ไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ตามที่กำหนดจะเป็นมีผลกระทบมากต่อการทำธุรกิจด้านนี้
นางสาวเอื้อพันธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การลดเวลาในการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจาก T+1 ให้เร็วขึ้นยังติดปัญหาอยู่อีกหลายขึ้นตอน นอกเหนือจากความต้องการประสิทธิภาพในการบริหาร และขายคืนตราสารข้างต้น ซึ่งการโอนเงินจากผู้ดูแลผลประโยชน์เพื่อจ่ายคืนให้กับนักลงทุนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การจ่ายเงินในวันถัดไปต้องใช้เวลาพอสมควร
“จะทำให้มันเช้าขึ้นต้องแก้อีก เพราะการจะจ่ายเงินคืนต้องให้ผู้ดูแลผลประโยชน์โอนเงินให้เราก่อน และเช้าสุดคงเป็นช่วงแปดเก้าโมง และกว่าจะนำมาจ่ายได้คงต้องใช้เวลาอีกนิด”นางเอื้อพันธ์กล่าว
ทั้งนี้ การที่จะลดระยะเวลาขายคืนหน่วยลงทุนให้เหลือ T+0 คงจะทำได้ลำบาก แต่ยังมีความเป็นไปเหมือนกัน หากมีการซื้อขายหน่วยลงทุนที่เข้ากัน หรือซื้อมากกว่าขาย ทำให้กองทุนไม่จำเป็นต้องสำรองเงิน หรือรอให้มีการขายสินทรัพย์ของกองทุนออกไป
นางเอื้อพันธ์ กล่าวอีกว่า การที่กองทุนมันนี่มาร์เก็ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และคาดว่าจะเป็นกองทุนหนึ่งที่มาแทนเงินฝาก หลังจากมีการประกาศใช้พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก เป็นไปได้ว่าจะมีสภาพคล่องมากขึ้น และอาจทำให้เกิดการสมดุลระหว่างการซื้อและการขายได้ ซึ่งจะนำมาถึงการลดระยะเวลาการจ่ายเงินได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ยากเช่นกันหากจะคาดเดาว่าการปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันเป็นเท่าไร หรือจะสมดุลกันหรือไม่ ซึ่งจากที่ผ่านมาจะไม่เท่ากันในแต่ละวัน ถึงแม้กองทุนนี้จะมีความคล่องตัวสูงในการขายหน่วยลงทุน ซึ่งตามทฤษฎีแล้วยังมีความเป็นไปได้เช่นกันในกรณีที่นักลงทุนที่ขายหน่วยลงทุนออกไปจะมีจำนวนมากกว่าที่ซื้อเข้ามาใหม่
นางสาวเอื้อพันธ์ กล่าวอีกว่า การคำนวณมูลค่าเอ็นเอวี เพื่อจ่ายเงินคืนให้กับนักลงทุนน่าจะคงไปตามรูปแบบเดิม เนื่องจากยังมีเกณฑ์ของทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ณ สิ้นวันที่มีการซื้อขายอยู่ ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่คงจะต้องดูความเป็นไปได้อีกครั้งหนึ่ง
นางสาวเอื้อพันธ์ เพ็ชราภรณ์ ผู้บริหารฝ่ายบริหารผู้ลงทุนและทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า การให้บริการไถ่ถอนหน่วยลงทุนของกองทุนประเภทมันนี่มาร์เก็ตตามระยะเวลา T+1 หรือ 1 วันหลังจากแจ้งความจำนงในการขายคือหน่วยลงทุน ทางบริษัทจะมีกรอบการจ่ายเงินตามรอบระยะเวลาที่ตกลงไว้กับทางธนาคารกสิกรไทยคือ ตั้งแต่ 11.30-12.00 น. และจะคำนวณมูลค่าหน่วยลงทุนที่ได้ ณ สิ้นวันทำการของวันที่มีการขายคืนหน่วยลงทุน
อย่างไรก็ตาม การขายคืนหน่วยลงทุนจะสามารถทำได้ไม่เกินเวลา 15.00 น. เนื่องจากจะต้องทำการคำนวณให้เหมาะสมในกรณีที่มีการขายคืนหน่วยลงทุนเป็นจำนวณมาก และจำเป็นที่จะต้องมีการขายสินทรัพย์ หรือตราสารที่กองทุนถืออยู่ไว้ออกไป
“การถอนหน่วยลงทุนในกองมันนี่มาร์เก็ตเราจะจ่ายตามรอบแบงก์ ซึ่งวันที่นักลงทุนขายจะกำหนดให้ไม่เกินเวลา 3 โมง เพราะจะต้องมีเวลาเหลือเอาไว้ก่อนที่ตลาดตราสารหนี้จะปิด โดยฟันด์เมเนเจอร์จะดูยื้อเวลาเผื่อเอาไว้ หากจำเป็นต้องเทรดตราสารออกไป เนื่องจากอยากให้มันมีประสิทธิภาพสูงสุด”นางเอื้อพันธ์กล่าว
นอกจากนี้ การล็อกเวลาในการจ่ายหน่วยลงทุนให้ตรงตามเวลาเองน่าจะมีประโยชน์ต่อนักลงทุน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะสามารถใช้เงินได้เมื่อไร อีกทั้งยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือของบริษัทอีกด้วย เนื่องจากนักลงทุนจะมองเรื่องความน่าเชื่อถือเป็นหลัก และหากเร่งรัดให้เร็วเกินไป แต่ไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ตามที่กำหนดจะเป็นมีผลกระทบมากต่อการทำธุรกิจด้านนี้
นางสาวเอื้อพันธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การลดเวลาในการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจาก T+1 ให้เร็วขึ้นยังติดปัญหาอยู่อีกหลายขึ้นตอน นอกเหนือจากความต้องการประสิทธิภาพในการบริหาร และขายคืนตราสารข้างต้น ซึ่งการโอนเงินจากผู้ดูแลผลประโยชน์เพื่อจ่ายคืนให้กับนักลงทุนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การจ่ายเงินในวันถัดไปต้องใช้เวลาพอสมควร
“จะทำให้มันเช้าขึ้นต้องแก้อีก เพราะการจะจ่ายเงินคืนต้องให้ผู้ดูแลผลประโยชน์โอนเงินให้เราก่อน และเช้าสุดคงเป็นช่วงแปดเก้าโมง และกว่าจะนำมาจ่ายได้คงต้องใช้เวลาอีกนิด”นางเอื้อพันธ์กล่าว
ทั้งนี้ การที่จะลดระยะเวลาขายคืนหน่วยลงทุนให้เหลือ T+0 คงจะทำได้ลำบาก แต่ยังมีความเป็นไปเหมือนกัน หากมีการซื้อขายหน่วยลงทุนที่เข้ากัน หรือซื้อมากกว่าขาย ทำให้กองทุนไม่จำเป็นต้องสำรองเงิน หรือรอให้มีการขายสินทรัพย์ของกองทุนออกไป
นางเอื้อพันธ์ กล่าวอีกว่า การที่กองทุนมันนี่มาร์เก็ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และคาดว่าจะเป็นกองทุนหนึ่งที่มาแทนเงินฝาก หลังจากมีการประกาศใช้พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก เป็นไปได้ว่าจะมีสภาพคล่องมากขึ้น และอาจทำให้เกิดการสมดุลระหว่างการซื้อและการขายได้ ซึ่งจะนำมาถึงการลดระยะเวลาการจ่ายเงินได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ยากเช่นกันหากจะคาดเดาว่าการปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันเป็นเท่าไร หรือจะสมดุลกันหรือไม่ ซึ่งจากที่ผ่านมาจะไม่เท่ากันในแต่ละวัน ถึงแม้กองทุนนี้จะมีความคล่องตัวสูงในการขายหน่วยลงทุน ซึ่งตามทฤษฎีแล้วยังมีความเป็นไปได้เช่นกันในกรณีที่นักลงทุนที่ขายหน่วยลงทุนออกไปจะมีจำนวนมากกว่าที่ซื้อเข้ามาใหม่
นางสาวเอื้อพันธ์ กล่าวอีกว่า การคำนวณมูลค่าเอ็นเอวี เพื่อจ่ายเงินคืนให้กับนักลงทุนน่าจะคงไปตามรูปแบบเดิม เนื่องจากยังมีเกณฑ์ของทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ณ สิ้นวันที่มีการซื้อขายอยู่ ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่คงจะต้องดูความเป็นไปได้อีกครั้งหนึ่ง
