xs
xsm
sm
md
lg

เพิ่มโอกาสทำกำไรในหุ้น...ด้วยกองทุน ETF

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนอีทีเอฟ (ETF) " หรือ Exchange Traded Fund คงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตานักลงทุนมาบ้างไม่มากก็น้อย หลังจาก ThaiDEX SET 50 ETF หรือที่เรียกว่า TDEX ได้ฤกษ์เปิดตัวเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2550 หลังจากนั้น มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน นั่นเป็นเพียงวิวัฒนาการของตลาดทุนไทยที่ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งเท่านั้น

อีกไม่นานจากนี้ น้องใหม่อย่างกองทุน Energy ETF ที่จะมีการอ้างอิงกับดัชนีหมวดธุรกิจพลังงาน ก็จะเข้ามาให้นักลงทุนได้ยลโฉม และได้ลงทุนกัน วันนี้ "ผู้จัดการกองทุนรวม" มีข้อมูลดีๆ จากงานสัมมนาเรื่อง "เพิ่มโอกาสทำกำไรในหุ้น ด้วยกองทุน ETF" ในงาน Money Expo 2008 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สมจินต์ ศรไพศาล
สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า กองทุนอีทีเอฟ (ETF) " หรือ Exchange Traded Fund เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยมีมูลค่าของขนาดสินทรัพย์มากกว่า 8 แสนล้านล้านบาท และมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการนำข้อดีของการลงทุนในหุ้น และกองทุนรวมมารวมเข้าไว้ด้วยกัน

สำหรับกองทุน ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ Standard & Poor's- 500 Depositary Receipts (SPDRs) ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 6-7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประเทศไทยได้มีการเรียนรู้จากต่างประเทศ จึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา คือ ThaiDEX SET 50 ETF หรือที่เรียกว่า TDEX โดยจะมีการลงทุนเลียนแบบดัชนี SET 50 และยังมีข้อดีที่ไม่จำเป็นต้องมีนักวิเคราะห์มาเลือกหุ้น และไม่ต้องไปซื้อๆ ขายๆ ทำให้ค่าคอมมิชชั่นลดลง จึงได้รับความนิยมมากขึ้น

ทั้งนี้ ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) จะต้องทำการเสนอซื้อเสนอขายอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้อย่างคล่องตัว โดย TDEX จะมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง และมีการสัญญาว่าตลอดเวลาจะมีการเสนอซื้อขายเสนอขายฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่ต่ำกว่า 5 แสนหน่วยของ TDEX และมีราคาห่างไม่เกิน 1% ทำให้มีสภาพคล่องเกิดขึ้น โดยมีส่วนต่างที่ 1% ราคาเสนอซื้อเสนอขายจะแตกต่างกันเพียง 1%

ยกตัวอย่าง เช่น หากราคาเสนอซื้อเสนอขายของ TDEX อยู่ที่ 6.15-6.16 บาท ซึ่งมีส่วนต่างเพียง 0.2% เท่านั้น ขณะที่การซื้อหุ้นโดยทั่วไปนั้น หากซื้อมาที่ราคา 100 บาท หากตัดสินใจที่จะขายในนาทีถัดไปก็จะขาดทุนไปแล้ว 1 บาท ซึ่งไม่คิดค่าคอมมิชชั่น ขณะที่การซื้อขาย TDEX หากซื้อมาที่ราคา 6.16 บาท และขายไปที่ราคา 6.15 บาท จะมีส่วนต่างเพียง 1 ใน 6 บาทเท่านั้น นับว่าเป็นราคาเสนอซื้อเสนอขายที่แคบที่สุดในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

โดยกองทุน TDEX จะลงทุนในหุ้น 50 ตัว ที่มีขนาดใหญ่ และมีความคล่องตัวสูง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นผู้คัดสรรเข้ามา และประกาศในทุกวัน ดังนั้น การเคลื่อนไหวของ TDEX จะมีความใกล้เคียงกับดัชนี SET 50 มาก ขณะเดียวกัน ยังมีความต่าง 2 ประการ คือ การลงทุนใน TDEX มีค่าใช้จ่ายในการบริหาร แต่ตัวดัชนี SET 50 ไม่มีค่าใช้จ่าย และ TDEX มีการจ่ายเงินปันผล ในแต่ละปีด้วย ทำให้มีการเคลื่อนไหวดีกว่าดัชนีเล็กน้อย

จากการศึกษา 6 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2545-2550 ซึ่งเป็นการคำนวณโดยรวมผลตอบแทนจากดัชนี SET 50 บวกเข้ากับเงินปันผล พบว่า ดัชนี SET 50 สามารถให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 300% เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 26% ส่วนดัชนี SET INDEX ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 254% เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 23% โดยปกติผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของดัชนี SET 50 จะมากกว่าดัชนี SET INDEX อยู่แล้ว ในช่วงที่ผ่านมา ปีที่ติดลบมากอย่างปี 2547 ดัชนี SET 50 จะติดลบน้อยกว่าดัชนี SET INDEX ขณะที่ปีที่บวกมาก ดัชนี SET 50 จะบวกมากกว่าดัชนี SET INDEX อยู่แล้ว

ในช่วง 32 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 12% ขณะที่หุ้นทั่วโลกสามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10-12% ส่วนการจ่ายเงินปันผลของหุ้นในดัชนี SET50 จะอยู่ในอัตราประมาณ 3.5% เป็นการคาดหวังที่มองได้ในขณะที่พีอีเรโชอยู่ที่ระดับ 11-12 เท่า
โชติกา สวนานนท์
โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า หลักการในการดำเนินการของ Energy ETF จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับกับ TDEX แต่แทนที่จะนำไปลงทุนในหุ้น SET 50 จะไปซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานแทน โดยมีจำนวน 23 ตัวในปัจจุบัน (ไม่นับรวม ESSO) ซึ่งหุ้นในกลุ่มพลังงาน 9 ตัวแรกจะมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 97-98% ของดัชนีหมวดธุรกิจพลังงาน เมื่อลองรันพอร์ตหุ้นในกลุ่มพลังงานเมื่อเทียบกับดัชนีในหมวดธุรกิจพลังงานทั้งหมด พบว่ามีความผันผวนตามมาตรฐานเพียง (Tracking Error) 0.39%

ดังนั้น จึงทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานทั้ง 23 ตัว และเวลาที่ผู้ดูแลสภาพคล่องทำงานมักจะใช้ตลาดฟิวเจอร์หรือ TFEX ในการเป็นเครื่องมือในการช่วยทำให้ราคาของ TDEX ใกล้เคียงกับดัชนีให้มากที่สุด โดยเมื่อราคา TDEX เทรดสูงเกินไป ก็จะเข้าไปซื้อ TDEX แล้วขายฟิวเจอร์ หรือถ้าฟิวเจอร์สูงเกินไป และ TDEX เทรดต่ำเกินไป ก็จะเข้าไปซื้อฟิวเจอร์มาขาย TDEX ทำกำไร แต่ยังไม่ฟิวเจอร์ในหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้ผู้ดูแลสภาพคล่องต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ

โดยจะต้องมีพอร์ตเพื่อจะดูหุ้นในกลุ่มพลังงาน และคอยปิดช่องว่างให้ได้ เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในหุ้น 10 ตัวแรกของกลุ่มพลังงาน และ ESSO แต่จะมีการปรับเปลี่ยนในอนาคตได้ เพราะวัตถุประสงค์ของกองทุนดัชนีไม่ว่าจะเป็นอีทีเอฟหรือกองทุนดัชนีธรรมดาก็ตาม คือต้องการ Track ราคา หรือ Track ผลตอบแทนของดัชนี ซึ่งหากหุ้น 10 ตัวแรกเริ่มไม่ Track แล้ว มูลค่าตลาด (Market Cap) ของหุ้นที่เข้ามาในกลุ่มดัชนีเริ่มใหญ่ขึ้น ก็ต้องมีการเพิ่มเข้าไป และกองทุนนี้จะมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง

สำหรับหุ้นในกลุ่มพลังงานถือว่าเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ และมีสภาพคล่องสูงมาก โดยมีขนาดประมาณ 35% ของตลาดโดยรวม และจำนวน 80% ของกลุ่มเป็นหุ้นในบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทำให้การเคลื่อนไหวแกว่งตัวกว่าตลาดมาก สามารถนำตลาด และยังช่วยในการพยุงดัชนีโดยรวมเอาไว้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน

หากโฟกัสไปที่พลังงานอย่างเดียว ดัชนีจะแกว่งตัวมากกว่าดัชนี SET50 TDEX และดัชนี SET INDEX จึงมีความเสี่ยงมาก เพราะไม่มีหุ้นกลุ่มอื่นมาช่วยกระจายความเสี่ยง อย่างกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น นักลงทุนต้องมีความเข้าใจว่าลงทุนในเซกเตอร์จะมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในภาพใหญ่ ที่มีการกระจายการลงทุนอยู่แล้ว

ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน กลุ่มพลังงานอยู่ที่ 10.36% ขณะที่ SET 50 อยู่ที่ 5.35% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน กลุ่มพลังงานอยู่ที่ -5.83% ขณะที่ SET 50 อยู่ที่ -5.05% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี กลุ่มพลังงานอยู่ที่ 52.48% ขณะที่ SET 50 อยู่ที่ 26.63% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีกลุ่มพลังงานอยู่ที่ -3.50% ขณะที่ SET 50 อยู่ที่ -2.89%

เบื้องต้นคาดว่าราคาน่าจะอยู่ในระดับที่ 5 บาท เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดกว่า 40-60% มีการซื้อขายที่ระดับ 5-10 บาท โดยต้องการให้นักลงทุนมีความคุ้นชิน และหากจะทำให้ราคาอยุ่ในระดับที่ซื้อขายในตลาด และซื้อง่ายขายคล่อง แต่ต้องมีคณะทำงานเข้ามาหลายคณะ ทั้งฝ่ายเทคนิค และฝ่ายการตลาด เพื่อเข้าไปพูดในเชิงลึกอีกครั้ง โดยคาดว่าจะสามารถออกกองทุนประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคมนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น