บลจ.เอ็มเอฟซีปลื้ม! นักลงทุนสถาบันและรายย่อย ตอบรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ Multi-National Residence Fund ปิดไอพีโอระดมทุนเต็มมูลค่าโครงการ 1,075 ล้านบาท เผยจัดตั้งกองทุนเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พร้อมนำเข้าจดทะเบียนเดือนมิถุนายนนี้ ระบุเดินหน้าสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์Multi-National Residence Fund (MNRF) มูลค่าโครงการ 1,075 ล้านบาท ขึ้นระหว่างวันที่ 21 เมษายน-8 พฤษภาคม 2551 ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ซึ่งบริษัทได้จัดสรรหน่วยลงทุนด้วยระบบ Small Lot First ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน และได้จดทะเบียนกองทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551
โดยกองทุนรวม MNRF ได้ซื้อบ้านเดี่ยวจำนวน 30 หลัง ห้องชุดพักอาศัย จำนวน 48 ห้อง ที่แจ้งวัฒนะ และบ้านเดี่ยวจำนวน 35 หลังที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นชุมชนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ทั้งนี้กองทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ในที่ดินและอาคาร (Freehold) หลังจากนั้นจะนำหน่วยลงทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือนมิถุนายน 2551 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป
สำหรับกองทุนรวม MNRF เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในโครงการที่ประสบความสำเร็จในการสร้างชุมชนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยที่มีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งจากแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นของกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยในแต่ละปี ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเช่าคุณภาพสูงมีแนวโน้มเติบโตสูงตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารกองทุนดังกล่าวให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
นอกจากนี้ กองทุนรวม MNRF จะได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ จากการปล่อยเช่าบ้านเดี่ยวและห้องชุดพักอาศัยทั้งโครงการเป็นระยะเวลา 7 ปีให้กับบริษัทนิชดา และกองทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าเช่ารายเดือนตามที่ตกลงไว้ โดยคาดว่าบ้านเดี่ยวที่แจ้งวัฒนะสามารถปล่อยเช่าได้ในอัตราค่าเช่าประมาณ 100,000-140,000 บาทต่อเดือน ห้องชุดพักอาศัยที่แจ้งวัฒนะมีอัตราค่าเช่าประมาณ 30,000-50,000 บาทต่อเดือน และบ้านเดี่ยวที่ชลบุรีมีอัตราค่าเช่าประมาณ 60,000-80,000บาทต่อเดือน ซึ่งกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ โดยกองทุนให้บริษัทนิชดาทำสัญญาเช่าโดยมีการวางหลักประกัน 9 เดือนของค่าเช่า และมีบทปรับเป็นเงินค่าเช่าจำนวน 24 เดือนหากผู้เช่าผิดสัญญา ทั้งนี้การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ในที่ดินและอาคาร (Freehold) กองทุนมีโอกาสที่จะได้รับมูลค่าเพิ่มในทรัพย์สิน โดยกองทุนมีสิทธิที่จะขายทรัพย์สินภายในกองทุนได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงกับบริษัทนิชดาเมื่อเห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนโดยไม่ถือเป็นการผิดสัญญาเช่ากับบริษัทนิชดา
ทั้งนี้ กองทุน MNRF จะได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ จากการปล่อยเช่าบ้านเดี่ยว และห้องชุดพักอาศัยทั้งโครงการเป็นระยะเวลา 7 ปีให้กับบริษัทนิชดา และเมื่อครบ 7 ปีแล้ว สามารถต่อสัญญาได้อีก 5 ปี ทั้งนี้คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยในช่วง 7 ปีเท่ากับ 7.8% โดยผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจะเพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 0.1% โดยในปีที่1 ได้ 7.5% ,ปีที่2 ได้ 7.6% ,ปีที่3 ได้ 7.7% ,ปีที่4 ได้ 7.8% ,ปีที่5 ได้ 7.9% ,ปีที่6 ได้ 8.0% และปีที่7 ได้ 8.1% นอกจากนี้หากมีการต่อสัญญาในปีที่ 8 ผลตอบแทนในปีที่ 8 จะต้องไม่น้อยกว่าปีที่7 ด้วย ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายกับผู้ลงทุนที่ดีทีเดียว โดยกองทุน MNRF มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90 ของกำไรสุทธิของกองทุน
"บลจ.เอ็มเอฟซี เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ MNRF ในระดับที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 2-3 กองทุน เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป"
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ Multi-National Residence Fund (MNRF) มีนโยบายลงทุนโดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ในที่ดิน และอาคารของบริษัทนิชดาธานีจำนวน 3 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 30 หลังในโครงการปาล์มทรี เพลส (Palm Tree Place) และห้องชุดพักอาศัยดนิชาธานี จำนวน 48 ห้อง ที่นิชดาธานีแจ้ง วัฒนะ และบ้านเดี่ยว 35 หลังในโครงการนิชดาธานีจังหวัดชลบุรี
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์Multi-National Residence Fund (MNRF) มูลค่าโครงการ 1,075 ล้านบาท ขึ้นระหว่างวันที่ 21 เมษายน-8 พฤษภาคม 2551 ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ซึ่งบริษัทได้จัดสรรหน่วยลงทุนด้วยระบบ Small Lot First ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน และได้จดทะเบียนกองทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551
โดยกองทุนรวม MNRF ได้ซื้อบ้านเดี่ยวจำนวน 30 หลัง ห้องชุดพักอาศัย จำนวน 48 ห้อง ที่แจ้งวัฒนะ และบ้านเดี่ยวจำนวน 35 หลังที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นชุมชนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ทั้งนี้กองทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ในที่ดินและอาคาร (Freehold) หลังจากนั้นจะนำหน่วยลงทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเดือนมิถุนายน 2551 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป
สำหรับกองทุนรวม MNRF เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในโครงการที่ประสบความสำเร็จในการสร้างชุมชนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยที่มีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งจากแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นของกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยในแต่ละปี ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเช่าคุณภาพสูงมีแนวโน้มเติบโตสูงตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารกองทุนดังกล่าวให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
นอกจากนี้ กองทุนรวม MNRF จะได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ จากการปล่อยเช่าบ้านเดี่ยวและห้องชุดพักอาศัยทั้งโครงการเป็นระยะเวลา 7 ปีให้กับบริษัทนิชดา และกองทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าเช่ารายเดือนตามที่ตกลงไว้ โดยคาดว่าบ้านเดี่ยวที่แจ้งวัฒนะสามารถปล่อยเช่าได้ในอัตราค่าเช่าประมาณ 100,000-140,000 บาทต่อเดือน ห้องชุดพักอาศัยที่แจ้งวัฒนะมีอัตราค่าเช่าประมาณ 30,000-50,000 บาทต่อเดือน และบ้านเดี่ยวที่ชลบุรีมีอัตราค่าเช่าประมาณ 60,000-80,000บาทต่อเดือน ซึ่งกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ โดยกองทุนให้บริษัทนิชดาทำสัญญาเช่าโดยมีการวางหลักประกัน 9 เดือนของค่าเช่า และมีบทปรับเป็นเงินค่าเช่าจำนวน 24 เดือนหากผู้เช่าผิดสัญญา ทั้งนี้การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ในที่ดินและอาคาร (Freehold) กองทุนมีโอกาสที่จะได้รับมูลค่าเพิ่มในทรัพย์สิน โดยกองทุนมีสิทธิที่จะขายทรัพย์สินภายในกองทุนได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงกับบริษัทนิชดาเมื่อเห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุนโดยไม่ถือเป็นการผิดสัญญาเช่ากับบริษัทนิชดา
ทั้งนี้ กองทุน MNRF จะได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ จากการปล่อยเช่าบ้านเดี่ยว และห้องชุดพักอาศัยทั้งโครงการเป็นระยะเวลา 7 ปีให้กับบริษัทนิชดา และเมื่อครบ 7 ปีแล้ว สามารถต่อสัญญาได้อีก 5 ปี ทั้งนี้คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยในช่วง 7 ปีเท่ากับ 7.8% โดยผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจะเพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 0.1% โดยในปีที่1 ได้ 7.5% ,ปีที่2 ได้ 7.6% ,ปีที่3 ได้ 7.7% ,ปีที่4 ได้ 7.8% ,ปีที่5 ได้ 7.9% ,ปีที่6 ได้ 8.0% และปีที่7 ได้ 8.1% นอกจากนี้หากมีการต่อสัญญาในปีที่ 8 ผลตอบแทนในปีที่ 8 จะต้องไม่น้อยกว่าปีที่7 ด้วย ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายกับผู้ลงทุนที่ดีทีเดียว โดยกองทุน MNRF มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ในอัตราไม่น้อยกว่า 90 ของกำไรสุทธิของกองทุน
"บลจ.เอ็มเอฟซี เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ MNRF ในระดับที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 2-3 กองทุน เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป"
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ Multi-National Residence Fund (MNRF) มีนโยบายลงทุนโดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ในที่ดิน และอาคารของบริษัทนิชดาธานีจำนวน 3 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 30 หลังในโครงการปาล์มทรี เพลส (Palm Tree Place) และห้องชุดพักอาศัยดนิชาธานี จำนวน 48 ห้อง ที่นิชดาธานีแจ้ง วัฒนะ และบ้านเดี่ยว 35 หลังในโครงการนิชดาธานีจังหวัดชลบุรี