“เมโทรสตาร์ฯ” ปรับแผนออกพร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์หวังบริหารด้วยตนเอง เชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ อีกทั้งได้รับอานิสงส์ ค่าเงินดอลลาร์มะกันอ่อนตัวช่วยเสริม คาดรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์กองทุนมูลค่า 2.3 พันล้านบาทได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนทั้งปีเป้าหมายเดิม 3 พันล้านบาท พร้อมเล็งปรับราคาขายเพิ่มขึ้นอีก หลังน้ำมันพ่นพิษส่งผลให้ต้นทุนวัสดุก่อสร้างพุ่ง
นายวีระ บูรพชัยศรี ประธานกรรมการบริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้(METRO) เปิดเผยว่า บริษัทจะปรับแผนการทำธุรกิจในการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์วงเงินประมาณ 2,300 ล้านบาท ด้วยการบริหารเอง โดยเบื้องต้นคาดว่าจะนำเซอร์วิส อาพาร์ทเม้นท์ โครงการ"สาธร วีสต้า"ขายให้เป็นสินทรัพย์กองทุน
นอกจากนี้เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจในกองทุนอสังหาฯของบริษัท เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงที่ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในพันธบัตรและกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เพราะมีความเสี่ยงน้อย แต่มีผลตอบแทนสูง ขณะเดียวกันเรื่องดังกล่าวจะส่งผลดีต่อบริษัทเพราะจะสามารถขายหน่วยลงทุนได้ในระดับราคาทที่ดีขึ้น
ประธานกรรมการบริหาร METRO กล่าวว่า การเติบโตของรายได้ในปี2551จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยมาจากการขายสินทรัพย์ให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และยอดขายที่มาจากโครงการเซ็นหลุยส์ แกรนด์เทอเรส รวมทั้งโครงการบ้านรวิภา-สุขุมวิท 103 รวมประมาณ 600 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทจะรับรู้รายได้เพิ่มจากการตัดขายที่ดินย่านสาทร 2 แปลง มูลค่าประมาณ 962 ล้านบาท และรายได้การขายสินทรัพย์ให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นผลให้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับใช้ลงทุนเพียงพอต่อไปอย่างน้อยอีกปี โดยไม่จำเป็นต้องเร่งหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน
"บริษัทจะชะลอการหาพันธมิตรไปก่อน เพราะตอนนี้เราเห็นจังหวะและโอกาสที่สามารถทำได้เอง อย่างไรก็ตามบริษัทก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร โดยอาจจะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนในอนาคต นอกจากนี้การจัดตั้งพร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ กับขายที่ดินย่านสาทร 2 แปลง จะทำให้มีสถานะการเงินของบริษัทในปีนี้คล่องตัวเพิ่มขึ้น” นายวีระ กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยืนยันว่าไม่มีความกังวลกรณีต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท แต่จะพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการเข้ามาถือหุ้นมากกว่าว่าจะเป็นการถือหุ้นเพื่อลงทุนปกติ หรือใช้ในการลงทุนนี้เพื่อต้องการทำธุรกิจร่วมกัน นอกจากนี้บริษัทจะมีการพิจารณาในการปรับราคาขายบ้านอีกครั้งในช่วง 2-3 เดือนหน้า หลังจากที่ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รวมทั้ง จะทำการเจรจากับซัพพลายเออร์เพื่อทำสัญญาซื้อวัสดุก่อสร้างในระยะยาว 1 ปี เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในระดับเดียวกับปีก่อนที่ 30%ต่อไป อย่างไรก็ตาม การปรับราคาก็จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะการแข่งขันใสตลาดขณะนี้ค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ บริษัทจะปรับขึ้นราคาขายในโครงการใหม่เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นใหม่ โดยเฉพาะโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/51 ประมาณ 2-3 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าโครงการละประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ดำเนินอยู่ขณะนี้ ได้แก่ โครงการเมโทร อเวนิว-สุขุมวิท 66 ที่มีมูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท โครงการเมโทรอเวนิว-รัชโยธินมูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท จะพิจารณาปรับขึ้นราคาด้วย
ก่อนหน้านี้ METRO ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ 2,900 ล้านบาท โดยมาจากยอดขาย Backlog ในมือ 600 ล้านบาทและในส่วนกองทุนอสังหาฯ อีกประมาณ 2,300 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมขายที่ดินเปล่าจำนวน 3 แปลงย่านสาทร เนื้อที่รวมประมาณ 1,750 ตารางวา คาดว่าจะได้รับเงินก่อนหักค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 962 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่23 เม.ย.ที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง ส่งคำสั่งซื้อหุ้น METRO เข้ามาจำนวนมากโดยเป็นการซื้อต่อเนื่องมาจากวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้การซื้อขายของหุ้น METRO ณ ขณะนั้นปรับตัวขึ้น
ส่วนการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เมโทรสตาร์ ภายในปีนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนในหุ้นของ METRO เพราะมองเห็นศักยภาพในการเติบโตในอนาคต เนื่องจากคาดว่าการจัดตั้งกองทุนอสังหาฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก3.3% เหลือ 0.11% และการลดค่าธรรมเนียมในการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% จากการโอนโครงการสาทร วิสต้า แบ็งคอก แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ตเมนต์เข้ากองทุนฯ ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายประมาณ 5% หรือคิดเป็นกำไรจากการโอนประมาณ 100 ล้านบาท
อนึ่ง การออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของMETROนั้น ได้มีการคาดการณ์ว่า จะสามารถเสนอขายหน่วยลงทุนได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในที่ดิน อาคารรวมถึงเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดในโครงการสาทร วิสต้า แบ็งคอก แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ตเมนต์ ด้วยการนำสินทรัพย์ดังกล่าวมาให้เช่าแก่บริษัทย่อยของ METRO ซึ่งบริษัทจะถือหุ้นจำนวน 99% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด โดยกำหนดระยะเวลาการเช่าเบื้องต้นตั้งแต่ 10 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี และกองทุนรวมมีสิทธิต่ออายุสัญญาการเช่าได้อีก ตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าทรัพย์สินที่จะได้เข้าทำระหว่างกองทุนและบริษัทย่อยเพื่อดำเนินกิจการ บริษัทและจัดการโครงการ
นายวีระ บูรพชัยศรี ประธานกรรมการบริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้(METRO) เปิดเผยว่า บริษัทจะปรับแผนการทำธุรกิจในการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์วงเงินประมาณ 2,300 ล้านบาท ด้วยการบริหารเอง โดยเบื้องต้นคาดว่าจะนำเซอร์วิส อาพาร์ทเม้นท์ โครงการ"สาธร วีสต้า"ขายให้เป็นสินทรัพย์กองทุน
นอกจากนี้เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจในกองทุนอสังหาฯของบริษัท เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงที่ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในพันธบัตรและกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เพราะมีความเสี่ยงน้อย แต่มีผลตอบแทนสูง ขณะเดียวกันเรื่องดังกล่าวจะส่งผลดีต่อบริษัทเพราะจะสามารถขายหน่วยลงทุนได้ในระดับราคาทที่ดีขึ้น
ประธานกรรมการบริหาร METRO กล่าวว่า การเติบโตของรายได้ในปี2551จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยมาจากการขายสินทรัพย์ให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และยอดขายที่มาจากโครงการเซ็นหลุยส์ แกรนด์เทอเรส รวมทั้งโครงการบ้านรวิภา-สุขุมวิท 103 รวมประมาณ 600 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทจะรับรู้รายได้เพิ่มจากการตัดขายที่ดินย่านสาทร 2 แปลง มูลค่าประมาณ 962 ล้านบาท และรายได้การขายสินทรัพย์ให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นผลให้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับใช้ลงทุนเพียงพอต่อไปอย่างน้อยอีกปี โดยไม่จำเป็นต้องเร่งหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน
"บริษัทจะชะลอการหาพันธมิตรไปก่อน เพราะตอนนี้เราเห็นจังหวะและโอกาสที่สามารถทำได้เอง อย่างไรก็ตามบริษัทก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร โดยอาจจะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนในอนาคต นอกจากนี้การจัดตั้งพร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ กับขายที่ดินย่านสาทร 2 แปลง จะทำให้มีสถานะการเงินของบริษัทในปีนี้คล่องตัวเพิ่มขึ้น” นายวีระ กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยืนยันว่าไม่มีความกังวลกรณีต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท แต่จะพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการเข้ามาถือหุ้นมากกว่าว่าจะเป็นการถือหุ้นเพื่อลงทุนปกติ หรือใช้ในการลงทุนนี้เพื่อต้องการทำธุรกิจร่วมกัน นอกจากนี้บริษัทจะมีการพิจารณาในการปรับราคาขายบ้านอีกครั้งในช่วง 2-3 เดือนหน้า หลังจากที่ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รวมทั้ง จะทำการเจรจากับซัพพลายเออร์เพื่อทำสัญญาซื้อวัสดุก่อสร้างในระยะยาว 1 ปี เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในระดับเดียวกับปีก่อนที่ 30%ต่อไป อย่างไรก็ตาม การปรับราคาก็จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะการแข่งขันใสตลาดขณะนี้ค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ บริษัทจะปรับขึ้นราคาขายในโครงการใหม่เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นใหม่ โดยเฉพาะโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/51 ประมาณ 2-3 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าโครงการละประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ดำเนินอยู่ขณะนี้ ได้แก่ โครงการเมโทร อเวนิว-สุขุมวิท 66 ที่มีมูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท โครงการเมโทรอเวนิว-รัชโยธินมูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท จะพิจารณาปรับขึ้นราคาด้วย
ก่อนหน้านี้ METRO ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ 2,900 ล้านบาท โดยมาจากยอดขาย Backlog ในมือ 600 ล้านบาทและในส่วนกองทุนอสังหาฯ อีกประมาณ 2,300 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังเตรียมขายที่ดินเปล่าจำนวน 3 แปลงย่านสาทร เนื้อที่รวมประมาณ 1,750 ตารางวา คาดว่าจะได้รับเงินก่อนหักค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 962 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่23 เม.ย.ที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง ส่งคำสั่งซื้อหุ้น METRO เข้ามาจำนวนมากโดยเป็นการซื้อต่อเนื่องมาจากวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้การซื้อขายของหุ้น METRO ณ ขณะนั้นปรับตัวขึ้น
ส่วนการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เมโทรสตาร์ ภายในปีนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนในหุ้นของ METRO เพราะมองเห็นศักยภาพในการเติบโตในอนาคต เนื่องจากคาดว่าการจัดตั้งกองทุนอสังหาฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก3.3% เหลือ 0.11% และการลดค่าธรรมเนียมในการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% จากการโอนโครงการสาทร วิสต้า แบ็งคอก แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ตเมนต์เข้ากองทุนฯ ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายประมาณ 5% หรือคิดเป็นกำไรจากการโอนประมาณ 100 ล้านบาท
อนึ่ง การออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของMETROนั้น ได้มีการคาดการณ์ว่า จะสามารถเสนอขายหน่วยลงทุนได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในที่ดิน อาคารรวมถึงเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดในโครงการสาทร วิสต้า แบ็งคอก แมริออท เอ็กเซ็กคิวทีฟ อพาร์ตเมนต์ ด้วยการนำสินทรัพย์ดังกล่าวมาให้เช่าแก่บริษัทย่อยของ METRO ซึ่งบริษัทจะถือหุ้นจำนวน 99% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด โดยกำหนดระยะเวลาการเช่าเบื้องต้นตั้งแต่ 10 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี และกองทุนรวมมีสิทธิต่ออายุสัญญาการเช่าได้อีก ตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าทรัพย์สินที่จะได้เข้าทำระหว่างกองทุนและบริษัทย่อยเพื่อดำเนินกิจการ บริษัทและจัดการโครงการ