xs
xsm
sm
md
lg

ซิตี้คอนโดฯราคาพุ่ง-ตลาดเริ่มซา ศุภาลัยปรับพอร์ตลงทุนเพิ่มสัดส่วนแนวราบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดคอโดมิเนียมลดความร้อนแรง เหตุราคาปรับตัวสูง ซัปพลายในตลาดอื้อ“ศุภาลัย” ปรับพอร์ตพัฒนาใหม่ ลดจำนวนก่อสร้างคอนโดฯ ลง เพิ่มสัดส่วนแนวราบบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ รองรับมาตรการลดภาษีอสังหาฯที่มีผลบังคับใช่เพียง 1 ปี

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเป็นสินค้าหลักของตลาดที่อยู่อาศัย แต่จะลดความร้อนแรงลง เนื่องจากราคามีการปรับตัวสูงขึ้น จากต้นทุนการก่อสร้าง ราคาที่ดิน รวมถึงกฎหมายต่างๆ เช่น กฎหมายป้องกันแผ่นดินไหว กฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งแต่ละบริษัทจะต้องพยายามปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วจะส่งผลให้ภาวการณ์ซื้อขายที่ดินมีความคึกคักมากขึ้น ผู้ประกอบการจะเร่งซื้อที่ดินให้ได้ก่อนเดือนเมษายนนี้ เพื่อเปิดตัวโครงการใหม่ รวมถึงเร่งการก่อสร้างโครงการและการโอนให้ทันระยะเวลามาตรการภายใน 1 ปี ซึ่งมาตรการดังกล่าวและปัจจัยบวกอื่นๆ คาดว่าปีนี้ตลาดอสังหาฯเติบโตประมาณ 10%

ด้านนายอธิป พีชานนท์ รองกรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัยฯ กล่าวเสริมว่า เพื่อให้การลงทุนเป็นไปตามภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาด บริษัทได้ปรับพอร์ตการลงทุน สร้างสมดุลของโครงการที่จะเปิดขายใหม่ โดยลดโครงการประเภทคอนโดมิเนียมลง และเพิ่มโครงการในแนวราบมากขึ้น จากปีที่ผ่านมามีสัดส่วนคอนโดมิเนียมสูงถึง 73% บ้านเดี่ยว 20% และทาวน์เฮาส์ 7% ปรับเป็นคอนโดมิเนียม 55% บ้านเดี่ยว 31% และทาวน์เฮาส์ 14%

สำหรับโครงการใหม่ที่เปิดขายในกทม.และปริมณฑลในปีนี้มีทั้งสิ้น 6 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ 4 และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ส่วนโครงการใหม่ที่จังหวัดภูเก็ตมีอีก 5 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และโครงการแนวราบอีก 3 โครงการ และมีโครงการที่สงขลาอีก 4 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ โครงการแนวราบอีก 3 โครงการ ในขณะที่บริษัทยังมีบ้านที่รอสร้างและโอนในอนาคตรวม 15,000 ล้านบาท

ในปีนี้บริษัทตั้งยอดขายไว้ที่ 12,000 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกมียอดขายแล้ว 2,500 ล้านบาทเป็นยอดขายจากโครงการอาคารชุด 60% และบ้านจัดสรร 40% เพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ และคาดว่าตลาดโดยรวมจะดีขึ้น โดยที่จำนวนบ้านใหม่จดทะเบียนจะมีเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมาที่มีกว่า 70,000 หน่วย

ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ภายใน 3 ปี โดยในปี 2551 จะรับรู้รายได้ประมาณ 2,907 ล้านบาท และเมื่อรวมกับยอดขายใหม่ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 4,400 ล้านบาท จะทำให้ศุภาลัยมียอดรับรู้รายได้ทั้งปี กว่า 7,300 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี จากยอดรับรู้รายได้ดังกล่าว บริษัท จะมีรายได้จากมาตรการภาษีของรัฐบาล ในด้านภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ลดเหลือ 0.1% และเมื่อรวมกับประโยชน์ที่ได้จากการค่าธรรมเนียมการโอน 2% ซึ่งปกติบริษัทกับลูกค้าจะออกฝ่ายละ 50% ทำให้บริษัทมีรายได้กลับเข้ามาจากมาตรกรดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 4% อีกทั้งบริษัทยังได้รับประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลในฐานะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จาก 30% เหลือ 25% โดยกำไร 300 ล้านบาทแรก จากผลประโยชน์ดังกล่าว แม้ว่าบริษัทจะปรับลดราคาบ้านต่อยูนิตลง 1-2% หรือประมาณ 100-200 ล้านบาท ของยอดขายทั้งปีที่ตั้งเป้าไว้ประมาณ 12,000 ล้านบาท ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทแต่อย่างใด

นายอธิป กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทจะนำเรื่องของการอนุรักษ์พลังงานมาเน้นในการทำตลาดมากขึ้นในแคมเปญ Save our World Save your Money โดยโครงการทุกโครงการจะออกแบบให้ประหยัดพลังงานทั้งการจัดพื้นที่ใช้สอยและการใช้วัสดุก่อสร้างที่สามารถทำให้ลูกค้าประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 10% แม้ว่ากระแสลดโลกร้อนและการลดการใช้พลังงานจะพูดถึงกันมากขึ้น แต่ลูกค้ากลับให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นลำดับที่ 4-5 รองจากราคา ทำเล มากกว่า แต่เชื่อว่าภายในเวลา 4-5 ปีนี้ การประหยัดพลังงานจะเป็นเรื่องที่ลูกค้าให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น