ปัจจุบัน สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในปัจจุบันนั้น แสดงให้เห็นถึงปัญหาสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยเห็นได้จากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ และรุนแรงขึ้นในหลายประเทศ เช่น ในปี 2550 ที่กรุงบรูโนสไอเรส อาร์เจนติน่า ได้มีหิมะตกครั้งแรกในรอบ 90 ปี ขณะที่ไอร์แลนด์ และอังกฤษก็ได้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง ส่วนสหรัฐอเมริกา กลับเกิดภาวะแห้งแล้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ ที่จีนได้เกิดพายุหิมะ และสภาพอากาศหนาวเย็นที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
นอกจากนี้ ยังเกิดผลกระทบที่มีผลอันเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อนตามมาอีกมากมาย เช่น ภาวะแห้งแล้งทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคในพื้นที่ต่างๆ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นสูงส่งผลให้กระทบต่อเมืองที่อยู่ติดริมทะเล ผลผลิตทางการเกษตรลดลงเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และสัตว์บางชนิดเริ่มลดจำนวนลงหรือใกล้จะสูญพันธุ์ ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริง และหลายประเทศกำลังตื่นตัวมากกับเรื่องนี้
วนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด เล่าให้ฟังว่า การตื่นตัวเรื่องโลกร้อนได้ส่งผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจกับหลายบริษัท ยกตัวอย่างเช่น ภาวะแห้งแล้งทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ต่างๆ และอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น ดังนั้น ทำให้กลุ่มบริษัทที่ผลิตพลังงานทางเลือกเช่นพลังงาน แสงอาทิตย์ พลังงานลมและธุรกิจด้านบำบัดน้ำเสียจะมีบทบาทมากขึ้น ในด้านพฤติกรรมขององค์กรและผู้บริโภค ธุรกิจต่างๆ หันมาผลิตสินค้าที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเช่นสินค้า recycle สินค้าประหยัดพลังงาน
ขณะที่กลุ่มบริษัทที่ผลิตวัตถุดิบของสินค้าที่ช่วยลดสภาวะโลกร้อน อาทิ พืชผลทางการเกษตรที่ใช้ในการผลิตไบโอดีเซล และเอธานอล ซึ่งใช้กับรถยนต์ประหยัดพลังงาน และโรงงานที่ผลิตไบโอดีเซล และเอธานอล จะมีอนาคตที่ดี และสุดท้ายการที่รัฐบาลกำหนดกฎเกณฑ์ ข้อบังคับ และให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งกฎควบคุมการปล่อยมลพิษของโรงงาน และบริษัทต่างๆ ทำให้กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมน่าจะเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น บริษัทจึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดยูโอบี ซีเล็ค โกลบอล วอร์มมิ่ง 1 (UOB Select Global Warming 1 Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Specific Fund) ที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ อายุโครงการ 3 ปี และมีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน 2551 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี ซีเล็ค โกลบอล วอร์มมิ่ง 1 จะเน้นลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Notes) ในรูปสกุลเงินยูโร ซึ่งออกโดยธนาคารและรัฐวิสาหกิจในต่างประเทศที่มีอันดับเครดิต AA, Aa2 รวม 4 แห่ง และทำการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในส่วนเงินต้น และให้โอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมอ้างอิงกับส่วนต่างของดัชนี Citi Climate Change Opportunities PR USD และดัชนี MSCI World ณ สิ้นปีที่ 3 เทียบกับวันจดทะเบียน ซึ่งดัชนี Citi Climate Change Opportunities PR USD ซึ่งเป็นดัชนีที่ลงทุนในตราสารทุนของบริษัททั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากกระแสตื่นตัวจากสภาวะโลกร้อนทั่วโลก
ทั้งนี้ ดัชนี Citi Climate Change Opportunities PR USD ได้คิดค้น จัดตั้งและพัฒนาเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2550 โดย Citigroup Global Markets Limited (CGML) ซึ่งเป็นบริษัทวาณิชธนกิจ ในกลุ่มบริษัทซิตี้กรุ๊ป ซึ่งได้คัดเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาวะโลกร้อนทั่วโลกจากรายชื่อหุ้นที่ Citi Investment Research ทำการวิเคราะห์อยู่ โดยเลือกเฉพาะหุ้นที่ Citi Investment Research ให้คำแนะนำซื้อเท่านั้น
โดยการคัดเลือกหุ้นในพอร์ตของดัชนี จะมีการจัดเรียงหุ้นตามมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ของหุ้น โดยจะเลือกหุ้นที่มีมูลค่าตลาดรวมขั้นต่ำ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยซึ่งจะเหลือเป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนี Citi Climate Change Opportunities PR USD ไม่ต่ำกว่า 10 ตัว แต่ไม่เกิน 30 ตัว และจะมีหุ้นจากภูมิภาคเดียวกันได้ไม่เกิน 18 ตัว โดยให้น้ำการลงทุนเท่ากันทุกตัว และจะมีการปรับน้ำหนักดัชนีทุก 3 เดือน
สำหรับสัดส่วนการลงทุนของดัชนี Citi Climate Change 5 อันดับแรก ณ วันที่ 18 มีนาคม 2551 พบว่าลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ 17% อุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ น้ำ และ อุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง 13% อุตสาหกรรมสารเคมี 10% อุตสาหกรรมประกันวินาศภัย 10% และอุตสาหกรรมน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากก๊าซธรรมชาติ 10%
ส่วนผลการดำเนินงานของดัชนี Citi Climate Change ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ -3.38% ดัชนี MSCI World อยู่ที่ -7.79% ย้อนหลัง 6 เดือนที่ 8.04% ดัชนี MSCI World อยู่ที่ -4.88% ย้อนหลัง 1 ปีที่ 20.71% ดัชนี MSCI World อยู่ที่ -0.34% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีที่ 93.01% ขณะที่ดัชนี MSCI World อยู่ที่ 26.24%
ขณะที่แบบจำลองของผลตอบแทนย้อนหลังในรูปแบบสกุลเงินบาทของกองทุน ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 พบว่าสามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ 7.32% และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 21.96%
วนา บอกว่า กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนได้ 3 ปี และมั่นใจว่าหุ้นในดัชนี Citi Climate Change Opportunities PR USD ที่ได้รับผลบวกจากภาวะโลกร้อนจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นในดัชนี MSCI World แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกโดยรวมจะปรับตัวลดลง
สำหรับกองทุนเปิด ยูโอบี ซีเล็ค โกลบอล วอร์มมิ่ง 1 อายุโครงการ 3 ปี และมีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท โดยจะเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 22 – 28 เมษายน 2551 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท นักลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามและติดต่อจองซื้อหน่วยลงทุนได้ที่ ฝ่ายบริการผู้ถือหน่วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี จำกัด โทร. 02-679-5353 หรือเครือข่ายสาขาทั่วประเทศของธนาคารยูโอบี