บลจ.ซิมิโก้เเจงเหตุเลื่อนออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในโรงเเรมย่านพัทยา เนื่องจากลูกค้ายังห่วงภาวะการลงทุนที่ไม่ชัดเจน แต่ยังมั่นใจเปิดขายได้ทันต้นไตรมาส 3 เเน่ เผยสัปดาห์นี้ เตรียมเจรจาดึงโรงแรมย่านหัวหมากตั้งเป็นกองทุน หลังดีมานด์ลูกค้าสูง ต่อด้วยอาคารสำนักงานตามแผน 3 กองทุนในปีนี้
นายกิตติโชค จิตต์สดศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซิมิโก้ จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ว่า กองทุนอสังหาฯที่เข้าไปลงทุนในโรงเเรมซึ่งตั้งอยู่ในพัทยา ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นข้อมูลขอเสนอการจัดตั้งกองทุนกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) โดยก่อนหน้านี้คาดว่าจะออกให้ทันในไตรมาสที่ 2 เเต่ทางลูกค้าได้ขอให้ชะลอการออกกองทุนไปก่อน เนื่องจากลูกค้ายังกังวลกับสถาณการณ์การลงทุนโดยทั่วไปที่ยังผันผวนอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม กองทุนดังกล่าวจะออกในช่วงต้นไตรมาสที่ 3 นี้อย่างเเน่นอน
โดยในระหว่างนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งเป็นสินทรัพย์ประเภทโรงแรมที่ตั้งอยู่ในย่านหัวหมาก โดยภายในสัปดาห์นี้ จะมีการเข้าไปเจรจากับเจ้าของสินทรัพย์ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
"ตอนนี้ลูกค้ายังกังวลกับภาวะการลงทุนที่ค่อนข้างผันผวน ทำให้เราต้องชะลอเพื่อรอดูความชัดเจนไปก่อน แต่ระหว่างนี้ เราก็กำลังพิจารณาโรงเเรมย่านหัวหมากอยู่ โดยจะเข้าไปพูดคุยกับผู้บริหารภายในวันศุกร์นี้ (25 เม.ย.)"นายกิตติโชค กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2551 บริษัทจะออกกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 3 กอง กองเเรกจะลงทุนในสินทรัพย์โรงเเรมที่พัทยา กองทุนที่ 2ลงทุนในสินทรัพย์โรงเเรมย่านหัวหมาก เเละกองทุนที่ 3 จะลงทุนในอาคารสำนักงาน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพูดคุยกับผู้บริหารเช่นกัน
ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือกลงทุนในโรงเเรม เนื่องจากเรามองว่า ธุรกิจโรงเเรมมีความสอดคล้องกับการท่องเที่ยวของประเทศ ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการท่องเที่ยวของพัทยามเอง ก็สามารถเดินทางมาได้ตลอดทั้งปีอยู่เเล้ว โดยโรงเเรมที่กองทุนจะลงทุนนี้มีความน่าสนใจมากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆที่เราศึกษาอยู่ โดยเฉพาะในเเง่ของรายได้ เเละกองทุนที่ 2 เราเลือกที่จะลงทุนที่โรงเเรมย่านหัวหมากเนื่องจาก ลูกค้าของบลจ.ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
สำหรับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนโรงเเรมพัทยานั้น จะลงทุนในสิทธิการเช่าของโรงเเรม ซึ่งมีอายุในการลงทุนประมาณ 30 ปีโดยสามารถลงทุนต่อได้อีก 30 ปี โดยในเเง่ของผลตอบเเทนของกองทุน ในเบื้องต้นคาดว่านะอยู่ในระดับเดียวกับผลตอบเเทนในตลาดประมาณ 7%
นายกิตติโชคกล่าวว่า นอกจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แล้ว ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ทางบลจ.เตรียมออกกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่ลงทุนในตราสารหนี้ เเละในเดือนมิถุนายน จะออกกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ที่ให้ผลตอบเเทนค่อนข้างสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ทั่วไป โดยในปี2551 บลจ.มีเเผนจะออกกองทุนทั้งหมด 6 กองทุน
ก่อนหน้านี้ นายกิตติโชคกล่าวว่า การที่บลจ.ซิมิโก้เป็นบริษัทใหม่ในธุรกิจกองทุนรวม มีบริษัทเเม่เป็นโบรกเกอร์ที่ไม่มีสาขาธนาคารเป็นช่องทางอยางเช่น บลจ.ขนาดใหญ่ในตลาด ทำให้เรามองดูตัวเองเป็นหลักด้วยการเน้นออกกองทุนที่สร้างได้รายได้ให้บริษัทเป็นหลัก ซึ่งการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์เอง ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ดี นอกจากนี้ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล หรือไพรเวตฟันด์ ก็เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม กองทุนประเภทอื่นๆเราก็ต้องมีออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าอย่างครบถ้วนเช่นกัน
สำหรับกองทุนที่บริหารงานโดยบลจ.ซิมิโก้ มี 2 กองทุนได้เเก่ กองทุนเปิดซีมิโก้เดลี่ พลัส เเละกองทุนเปิดเอคควิตี้โปร หุ้นระยะยาว โดยกองทุนเปิดซีมิโก้เดลี่ พลัส ได้ทำการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุน ไปเมื่อวันที่ 29 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market) เเละให้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 2.8 - 3% ต่อปี
ทั้งนี้ พบว่ากองทุนดังกล่าวสามารถปิดยอดขายได้เพียง 71.3 ล้านบาท สาเหตุที่ระดมเงินลงทุนได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 400 -500 ล้านบาท นั้น เนื่องจากว่ากองทุนดังกล่าวได้ออกทำการขายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งก่อนหน้าช่วงเทศกาลนักลงทุนมักไม่ค่อยทำการจับจ่ายใช้สอยมากนัก อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่าเมื่อผ่านพ้นช่วงเทศกาลตรุษจีนไปแล้ว เชื่อว่านักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง
ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของทั้ง 2 กองทุน ณ วันที่ 22 เมษายน 2551 นั้น กองทุนเปิด ซิมิโก้ เดลี่พลัส มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 96,271,478.84 บาท มูลค่าหน่วยลงทุน 10.0536 บาท ส่วนกองทุนเปิดเอคควิตี้โปร หุ้นระยะยาว มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 5,231,941.50 บาท มูลค่าหน่วยลงทุน 11.0430 บาท
นายกิตติโชค จิตต์สดศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซิมิโก้ จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ว่า กองทุนอสังหาฯที่เข้าไปลงทุนในโรงเเรมซึ่งตั้งอยู่ในพัทยา ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นข้อมูลขอเสนอการจัดตั้งกองทุนกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) โดยก่อนหน้านี้คาดว่าจะออกให้ทันในไตรมาสที่ 2 เเต่ทางลูกค้าได้ขอให้ชะลอการออกกองทุนไปก่อน เนื่องจากลูกค้ายังกังวลกับสถาณการณ์การลงทุนโดยทั่วไปที่ยังผันผวนอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม กองทุนดังกล่าวจะออกในช่วงต้นไตรมาสที่ 3 นี้อย่างเเน่นอน
โดยในระหว่างนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งเป็นสินทรัพย์ประเภทโรงแรมที่ตั้งอยู่ในย่านหัวหมาก โดยภายในสัปดาห์นี้ จะมีการเข้าไปเจรจากับเจ้าของสินทรัพย์ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
"ตอนนี้ลูกค้ายังกังวลกับภาวะการลงทุนที่ค่อนข้างผันผวน ทำให้เราต้องชะลอเพื่อรอดูความชัดเจนไปก่อน แต่ระหว่างนี้ เราก็กำลังพิจารณาโรงเเรมย่านหัวหมากอยู่ โดยจะเข้าไปพูดคุยกับผู้บริหารภายในวันศุกร์นี้ (25 เม.ย.)"นายกิตติโชค กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2551 บริษัทจะออกกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 3 กอง กองเเรกจะลงทุนในสินทรัพย์โรงเเรมที่พัทยา กองทุนที่ 2ลงทุนในสินทรัพย์โรงเเรมย่านหัวหมาก เเละกองทุนที่ 3 จะลงทุนในอาคารสำนักงาน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพูดคุยกับผู้บริหารเช่นกัน
ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือกลงทุนในโรงเเรม เนื่องจากเรามองว่า ธุรกิจโรงเเรมมีความสอดคล้องกับการท่องเที่ยวของประเทศ ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการท่องเที่ยวของพัทยามเอง ก็สามารถเดินทางมาได้ตลอดทั้งปีอยู่เเล้ว โดยโรงเเรมที่กองทุนจะลงทุนนี้มีความน่าสนใจมากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆที่เราศึกษาอยู่ โดยเฉพาะในเเง่ของรายได้ เเละกองทุนที่ 2 เราเลือกที่จะลงทุนที่โรงเเรมย่านหัวหมากเนื่องจาก ลูกค้าของบลจ.ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
สำหรับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนโรงเเรมพัทยานั้น จะลงทุนในสิทธิการเช่าของโรงเเรม ซึ่งมีอายุในการลงทุนประมาณ 30 ปีโดยสามารถลงทุนต่อได้อีก 30 ปี โดยในเเง่ของผลตอบเเทนของกองทุน ในเบื้องต้นคาดว่านะอยู่ในระดับเดียวกับผลตอบเเทนในตลาดประมาณ 7%
นายกิตติโชคกล่าวว่า นอกจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แล้ว ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ทางบลจ.เตรียมออกกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่ลงทุนในตราสารหนี้ เเละในเดือนมิถุนายน จะออกกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ที่ให้ผลตอบเเทนค่อนข้างสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ทั่วไป โดยในปี2551 บลจ.มีเเผนจะออกกองทุนทั้งหมด 6 กองทุน
ก่อนหน้านี้ นายกิตติโชคกล่าวว่า การที่บลจ.ซิมิโก้เป็นบริษัทใหม่ในธุรกิจกองทุนรวม มีบริษัทเเม่เป็นโบรกเกอร์ที่ไม่มีสาขาธนาคารเป็นช่องทางอยางเช่น บลจ.ขนาดใหญ่ในตลาด ทำให้เรามองดูตัวเองเป็นหลักด้วยการเน้นออกกองทุนที่สร้างได้รายได้ให้บริษัทเป็นหลัก ซึ่งการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์เอง ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ดี นอกจากนี้ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล หรือไพรเวตฟันด์ ก็เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม กองทุนประเภทอื่นๆเราก็ต้องมีออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าอย่างครบถ้วนเช่นกัน
สำหรับกองทุนที่บริหารงานโดยบลจ.ซิมิโก้ มี 2 กองทุนได้เเก่ กองทุนเปิดซีมิโก้เดลี่ พลัส เเละกองทุนเปิดเอคควิตี้โปร หุ้นระยะยาว โดยกองทุนเปิดซีมิโก้เดลี่ พลัส ได้ทำการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุน ไปเมื่อวันที่ 29 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market) เเละให้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 2.8 - 3% ต่อปี
ทั้งนี้ พบว่ากองทุนดังกล่าวสามารถปิดยอดขายได้เพียง 71.3 ล้านบาท สาเหตุที่ระดมเงินลงทุนได้ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 400 -500 ล้านบาท นั้น เนื่องจากว่ากองทุนดังกล่าวได้ออกทำการขายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งก่อนหน้าช่วงเทศกาลนักลงทุนมักไม่ค่อยทำการจับจ่ายใช้สอยมากนัก อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่าเมื่อผ่านพ้นช่วงเทศกาลตรุษจีนไปแล้ว เชื่อว่านักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง
ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของทั้ง 2 กองทุน ณ วันที่ 22 เมษายน 2551 นั้น กองทุนเปิด ซิมิโก้ เดลี่พลัส มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 96,271,478.84 บาท มูลค่าหน่วยลงทุน 10.0536 บาท ส่วนกองทุนเปิดเอคควิตี้โปร หุ้นระยะยาว มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 5,231,941.50 บาท มูลค่าหน่วยลงทุน 11.0430 บาท