xs
xsm
sm
md
lg

5 เหตุผลที่ควรลงทุนในทองคำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าการตลาดธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ. ทิสโก้

โลกเรามีเรื่องไม่แน่นอนอยู่มากและโลกของการลงทุนก็มีเรื่องไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะลดความไม่แน่นอนในการลงทุนของเรา นอกจากทองจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือในการลดความเสี่ยงด้านการลงทุนที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางแล้ว ทองยังเป็นตัวที่สร้างผลตอบแทนที่ดีสำหรับอีกหลายคนด้วยและนี่คือเหตุผล 5 ข้อ ที่ทำให้เราเลือกลงทุนในทองคำ

1. ราคาในอดีตและคาดการณ์ราคาในอนาคต : ตั้งแต่ปี 2001 ถึงปัจจุบัน ราคาทองได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 150% นักวิเคราะห์จากหลายสำนัก มีความคิดเห็นค่อนข้างสอดคล้องกันว่าในปี 2009 เราจะเห็นราคาทองคำที่ระดับกว่า 1,000 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐต่อออนซ์ เลยทีเดียว

2.ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้น: ประมาณ 68% ของทองคำทั่วโลกถูกนำไปใช้การทำเครื่องประดับ อีก 19% เป็นการลงทุน ส่วน 12% ที่เหลือใช้ในภาคอุตสาหกรรม เช่นวงการแพทย์ ทันตกรรม นาโนเทคโนโลยีและอิเลคทรอนิกส์ชั้นสูง เป็นต้น ประเทศที่มีปริมาณการใช้ทองเป็นอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันมายาวนานคือ ประเทศอินเดียซึ่งมีปริมาณการใช้ทองคำประมาณปีละ 23% ของปริมาณการใช้ทองคำทั่วโลก ในขณะที่ประเทศจีนที่เคยมีปริมาณการใช้ทองคำต่อปีตั้งแต่ปี 1997 เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา กลับมีปริมาณการใช้ทองคำในปี 2007 เพิ่มขึ้นจากปี 2006 ถึง 26% จึงกลายเป็นผู้บริโภคทองคำเป็นอันดับ 2 ของโลกแทนที่สหรัฐอเมริกา ในปี 2007 ประเทศจีนที่แล้วจีนน่าจะใช้ปริมาณทองคำประมาณ 9-10% ของปริมาณการใช้ทองคำทั่วโลก ส่วนประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางซึ่งนำโดย ตุรกี ซาอุดิอาระเบีย และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็มีปริมาณการใช้ทองคำสูงขึ้น 10% ในปีที่แล้วแม้ว่าราคาทองคำจะสูงขึ้นถึง 15% ก็ตาม และความต้องการทองคำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะกลุ่มประเทศผู้บริโภคหลัก เช่น จีน อินเดีย และประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งเคยใช้ทองคำมากอยู่แล้วก็ล้วนอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น จึงไม่น่าสงสัยว่ามีแนวโน้มจะซื้อทองคำได้มากขึ้น

3. กำลังการผลิตที่ลดลง:ที่จริงเรียกว่ากำลังการผลิตคงไม่ถูกนัก เพราะเราไม่สามารถ ”ผลิต” ทองคำได้ เราแค่หามันให้พบและนำมาเข้าสู่กระบวนการต่างๆ เพื่อให้ได้ทองคำที่บริสุทธิ์ เมื่อผลิตไม่ได้ คงสั่งเพิ่มไม่ได้ตามใจผู้ซื้อและธรรมชาติก็ไม่สามารถสร้างแร่ทองได้ทันต่อความต้องการของมนุษย์อยู่แล้ว จึงทำให้ผลผลิตจากเหมืองทองคำต่างๆเริ่มลดลง พร้อมกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นพอสมควร

4. เครื่องมือในการลดผลกระทบจากเงินเฟ้อ: เมื่อทั้งราคาน้ำมันและราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากก็ย่อมส่งผลกระทบถึงอัตราเงินเฟ้อด้วย ซึ่งแม้ว่าราคาทองคำอาจมีการแกว่งตัวในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วทองคำก็ยังคงมีมูลค่าสูงแม้หลังปรับลดด้วยอัตราเงินเฟ้อ ทองคำจึงเป็นเครื่องคงกำลังการซื้อของผู้ถือไว้ได้แม้เวลาจะผ่านไปเป็นร้อยๆปี

5. การกระจายการลงทุน:การกระจายการลงทุนในหลายกลุ่มหลักทรัพย์ก็เป็นหลักการลดความเสี่ยงในการลงทุนที่ใช้กันมานาน และทองคำก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (correlation) กับตราสารหนี้ ตราสารทุน และราคาอสังหาริมทรัพย์ ที่ต่ำมาก หรือมีการเปลี่ยนแปลงราคาที่แทบจะไม่สอดคล้องกับราคาหลักทรัพย์ดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นทางเลือกการกระจายการลงทุนที่ดี

นอกจากเหตุผลทั้ง 5 ประการที่กล่าวมาข้างต้น การลงทุนในทองทุกวันนี้ก็สามารถทำได้ง่ายและปลอดภัยกว่าสมัยก่อนมาก เพราะเราไม่จำเป็นต้องไปซื้อทองคำแท่งมาเก็บไว้ในบ้าน แต่กลับมีเครื่องมือทางการเงินที่อ้างอิงอัตราผลตอบแทนกับราคาทองคำให้เลือกซื้อหลายประเภท หากผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้มากก็อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ หรือถ้ารับความเสี่ยงได้ปานกลางก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุน ที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (structured note) ที่มีการจ่ายคืนเงินต้นและผลตอบแทนจากการลงทุน อย่างน้อยหากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามคาด ก็ยังอุ่นใจว่าจะได้รับเงินต้นคืน
กำลังโหลดความคิดเห็น