หากใครเคยชมภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ คงพอจะจำภาพยานพาหนะคู่กายของพระเอกในตอน The Spy Who Love Me ซึ่งสามารถขับลงไปในน้ำ แล้วกลายเป็นร่างเป็นรถดำน้ำ ขับต่อสู้กับผู้ร้ายอย่างดุเดือดเผ็ดมัน
จากจินตนาการในภาพยนตร์ บัดนี้กำลังจะกลายเป็นจริงแล้วเมื่อ แฟรงค์ เอ็ม. รินเดิร์กเน็ช (Frank M. Rinderknecht) เจ้านายใหญ่แห่งสำนักแต่งรถชื่อดัง “รินสปีด(Rinspeed)” ได้เตรียมเผยโฉมรถต้นแบบ “สคูบ้า(sQuba)” ในงานเจนีวามอเตอร์ โชว์ที่กำลังมีขึ้น
สำหรับเจ้า สคูบ้า ได้รับการขนานนามว่าเป็นรถยนต์คันแรกของโลกที่สามารถดำน้ำได้จริง และจากข้อมูลที่เปิดเผยออกมาในช่วงแรก ตัวถังที่ถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ และใช้วัสดุแห่งอนาคตอย่าง “คาร์บอน นาโน ทิวป์” (Carbon Nano Tube)
รูปร่างภายนอกของเจ้า สคูบ้า มีลักษณะเป็น รถสปอร์ตเปิดประทุนแบบทาร์กา(Targa) คือไม่มีหลังคาคล้ายคลึงกับรถสปอร์ตอย่าง โลตัส อีลีส (หรืออาจจะเป็นจับเอาตัว อีลีส มาแอบปรับโฉม) พร้อมใส่ร่องลักษณะคล้ายเหงือกฉลามที่บริเวณด้านหน้ารถให้ความรู้สึกสปอร์ตเต็มพิกัด
โดยนายใหญ่แห่งรินสปีด “รินเดิร์กเน็ช” ให้เหตุผลในการออกแบบเจ้าสคูบ้าเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนว่า เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ในกรณีฉุกเฉิน คือเมื่อรถดำอยู่ใต้น้ำหากเกิดเหตุขัดข้องจะสามารถหนีออกจากตัวรถได้สะดวก เพราะหากมีหลังคาก็ต้องมาเสียเวลาเปิดประตูซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
และอีกเหตุผลหนึ่งคือ เพื่อช่วยให้รถมีน้ำหนักเบาลงจากการไม่มีหลังคามิฉะนั้นแล้ว สคูบ้า อาจจะต้องมีน้ำหนักมากถึง 2 ตัน ซึ่งมากเกินไปทำให้ความสนุกในการขับขี่ลดน้อยลง
เครื่องยนต์ของสคูบ้าถูกวางไว้ที่ด้านหลังของตัวรถ โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 ตัวในการสร้างพละกำลัง แบ่งเป็นมอเตอร์ 1 ตัว สำหรับการขับเคลื่อนบนบก ซึ่งจะส่งกำลังจากล้อหลัง และมอเตอร์อีก 2 ตัว สำหรับการขับเคลื่อนใต้น้ำ
ทั้งนี้ยังมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสุดๆ ด้วยมลพิษที่ปล่อยออกมามีค่าเท่ากับ 0% จากการเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า แหล่งกำเนิดพลังงานมาจากแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม-อิออน แบบรีชาร์จเอเบิ้ล ทำให้ปราศจากไอเสียอย่างสิ้นเชิงและยังรวมไปถึงสารหล่อลื่นต่างๆ ในตัวรถยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นั่นเท่ากับว่า สคูบ้า เป็นรถไร้มลภาวะ100%
สำหรับวิธีการลงน้ำ เพียงแค่วิ่งไปตามถนนแล้วขับลงไปในน้ำ ช่วงแรกรถจะลอยตัวอยู่บนผิวน้ำจนกว่าจะเปิดระบบประตูให้น้ำเข้ามาอยู่เต็มรถแล้ว ถึงจะเริ่มกระบวนการดำดิ่งลงไปใต้น้ำ เมื่อลงไปอยู่ใต้น้ำ เครื่องยนต์เจ็ตอันทรงพลัง 2 ตัวจะทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนให้เจ้า สคูบ้า แหวกว่ายผ่านกระแสน้ำไป
แม้จะไม่รวดเร็วนัก แต่ก็เพียงพอโดยสามารถทำความเร็วสูงสุดในน้ำได้ถึง 16 กม./ชม. และ 22 กม./ชม.บนพื้นผิวน้ำ จากเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงสุด 7 แรงม้าผสานการทำงานกับเกียร์ 10 สปีด และสามารถดำน้ำได้ลึกถึงประมาณ 10 เมตรหรือ 33 ฟุต ส่วนความเร็วและกำลังสูงสุดขณะวิ่งบนบกไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมา
ความลับสำหรับการป้องกันน้ำเข้าไปทำอันตรายต่อเครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ที่การออกแบบและใช้วัสดุล้ำสมัย นาโนเทคโนโลยี ซึ่งถูกเรียกว่า คาร์บอน นาโน ทิวป์ แต่เจ้าสคูบ้าก็มีขีดจำกัดในการดำน้ำจากถังบรรจุอากาศที่มีขนาดเล็กทำให้สามารถดำได้ไม่นาน
การตกแต่งภายในห้องโดยสารใช้วัสดุกันน้ำและเกลือจากค่าย Strahle+Hess พร้อมเสริมความสวยงามด้วยเพชรจาก KGS โดยฟังก์ชั่นทุกอย่างยังคงสามารถใช้งานได้ไม่แตกต่างทั้งบนบกและในน้ำ ส่วนระบบช่วงล่วงทำจากแสตนเลส เพื่อป้องกันปัญหาสนิม
นอกจากนั้นยังมีจอแอลซีดี จากชาร์ป ที่ดีไซน์เป็นพิเศษเฉพาะสคูบ้าสำหรับการแสดงผลและการทำงานของระบบต่างๆ ทั้งยังใช้หลอดไฟเป็นแบบ แอลอีดี(LED)ทั้งคันเพื่อประหยัดพลังงาน รวมถึงการใช้ล้ออัลลอยชนิดเบาเป็นพิเศษและกันสนิมได้เช่นกัน
ความพิเศษของเจ้าสคูบ้า นอกจากดำน้ำได้แล้ว ยังมีระบบขับขี่อัตโนมัติ นั่นหมายความว่า รถสามารถขับเคลื่อนเองโดยไม่ต้องมีคนขับหรือผู้โดยสารแต่อย่างใด รถจะถูกควบคุมและสั่งการผ่านรีโมทคอนโทรล โดยใช้ระบบเลเซอร์เซ็นเซอร์หน้ารถซึ่งผลิตจากเยอรมันในการนำทาง
“ระบบเลเซอร์เซ็นเซอร์ของเรามีความสามารถหลากหลาย ทั้งระบบการเบรกฉุกเฉิน,ระบบป้องกันการชนคนเดินถนนและรถยนต์, ระบบวิเคราะห์สภาพการจราจร และอื่นๆ อีกมากมาย” ดร.อูลิช เอ็มดีของบ. Ibeo ผู้ผลิตระบบเซ็นเซอร์กล่าวถึงขีดความสามารถ และยังบอกอีกว่าระบบนี้จะเริ่มจำหน่ายเป็นการแพร่หลายในปี 2008 นี้อย่างแน่นอน
ขณะที่นายรินเดิร์กเน็ช บอสใหญ่แห่งรินสปีดกล่าวถึงเจ้า สคูบ้า ว่า “ เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดขึ้นจริงของสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในความฝันมานานแสนนาน ซึ่งหนึ่งในแรงบัลดาลใจของการสร้างสรรค์ สคูบ้า นั่นก็คือ ภาพยนต์สุดฮิตอย่างเจมส์ บอนด์ ตอน The Spy Who Love Me จริงๆ แล้วเรื่องเหล่านี้เมื่อ 30 ปีก่อนเป็นความมหัศจรรย์ และเป็นเพียงภาพที่ถูกสร้างขึ้น แต่ปัจจุบันเรากำลังจะได้สัมผัสกับของจริงกัน”
สำหรับเรื่องราวของเจ้า สคูบ้า มันจะใช้งานได้จริงหรือไม่และจะออกจำหน่ายเมื่อไหร่? ยังเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ โดยคนที่สามารถตอบข้อสงสัยทั้งหมดนี้ได้ จะไปปรากฏตัวพร้อมกับเจ้าสคูบ้า ตัวจริง ในงาน เจนีวา มอเตอร์ โชว์ ระหว่างวันที่ 6-16 มีนาคมนี้ ณ ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ใครใคร่อยากได้คำตอบจะตามไปถามที่งานก็ได้ เชิญตามอัธยาศัย...