xs
xsm
sm
md
lg

พื้นฐานของความมั่งคั่งที่มั่นคง คือรักการออมตั้งแต่วัยเด็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์คุยกับผู้จัดการกองทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด

รากฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศจริงแล้ว ก็คือทำให้คนในชาติมีนิสัยรักการออม ที่ผมกล่าวเช่นนี้ ก็เพราะว่าถ้าคนเราขาดเงินออมแล้ว จะมีแหล่งเงินทุนใดๆ ที่จะมั่นคงพอที่เราจะกล้านำไปลงทุน ซื้อทรัพย์สิน หลายคนคงเถียงว่าถ้าต้องการลงทุนหรือซื้อทรัพย์สินอื่นๆ ก็ใช้วิธีการกู้เงิน เพราะเป็นวิธีที่สามารถหากำไรได้ง่ายสุดและไม่ต้องรอเงินออมให้เสียเวลา แต่ทุกท่านอย่าลืมว่าการกู้เงินย่อมต้องคืนเงินที่กู้มาพร้อมต้นทุนการกู้ หรือเราเรียกว่า “ดอกเบี้ยเงินกู้” จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับความยากง่ายในการกู้ เช่น ถ้ากู้ซื้อบ้านดอกเบี้ยก็ต่ำลงมา ปัจจุบันก็ไม่ต่ำกว่าร้อยล 4-5 %ต่อปีเมื่อเทียบกับการกู้สินเชื่อบุคคลซึ่งสูงในระดับ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญด้วยปัจจุบันที่การกู้เงินเป็นเรื่องง่าย ถ้าท่านกู้มาซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเกินกว่าความสามารถที่ท่านจะจ่ายได้ จะเกิดอะไรขึ้นจะขายสินค้าฟุ่มเฟือย (ซึ่งปกติราคาขายต่อจะลดต่ำลง) เพื่อไปใช้หนี้ที่ซื้อมาราคาเต็มหรือ หรือยิ่งถ้ากู้มาเพื่อลงทุนในหุ้นแล้วขาดทุนท่านจะหาเงินมาคืนทั้งเงินต้นที่กู้และดอกเบี้ยได้หรือ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วดูเหมือนการออมจะเป็นคำตอบที่ของการที่ท่านจะมีแหล่งเงินที่มั่นคงจริง แต่จุดอ่อนของการออมคือการทยอยเก็บ เพราะจำนวนเงินออมที่มากขึ้นต้องใช้เวลา และการมีวินัยในการเก็บ เพื่อให้ได้มีจำนวนมากพอที่เมื่อต้องการใช้จะสามารถนำมาใช้ได้ วันนี้ผมจึงอยากชักชวนให้ท่านผู้ปกครองปลูกฝังการรักการออมให้แก่บุตรหลานของท่าน อย่างน้อยที่สุดในช่วงปิดเทอม ก็เป็นโอกาสที่ดี

โปรแกรมการสร้างการรักการออมในช่วงปิดเทอมนี้ เป็นโปรแกรมหนึ่งที่ผมอยากนำเสนอแก่ท่าน เผื่อที่จะเป็นช่องทางหนึ่งครับ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1) ทำให้บุตรหลานของท่านรักเงินที่ได้มา ปกติความรักที่มีคุณค่ามักจะเกิดจากการรู้คุณค่าของสิ่งนั้นๆ ดังนั้นการที่จะทำให้ลูกหลานของท่านรักเงินและถนอมเงิน ก็คือการทำให้รู้ว่ากว่าจะได้เงินมานั้นต้องมานะอดทน ดังนั้นช่วงปิดเทอมนี้ถ้าลูกหลานของท่านอยู่ในข่ายที่จะสามารถทำงานพิเศษได้ ก็เป็นการดีที่ท่านจะให้บุตรหลานของท่านทำงาน part time ซึ่งก็มีหลายสถาบันที่น่าเชื่อถือได้เปิดรับสมัครเด็กทำงานพิเศษช่วงปิดเรียน ซึ่งท่านก็คงต้องคอยติดตามบุตรหลานในระหว่างช่วงนี้ด้วยครับเพื่อให้เข้าร่วมกับสังคมโดยความเหมาะสม เพราะนอกจากเด็กจะได้เบี้ยเลี้ยงแล้ว ยังได้ประสบการณ์ที่นำมาใช้ประโยชน์ในอนาคตได้

2) ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างง่าย วิธีนี้ใช้ได้กับทั้งลูกหลายที่มีความพร้อมทำงานพิเศษในช่วงปิดเทอม และลูกหลานที่ไม่มีความพร้อมทำงานช่วงปิดเทอมได้ เพราะเป็นวิธีที่ง่ายเพียงแต่นำเงินที่ได้มาเป็นตัวตั้งและหักค่าใช้จ่าย ที่เหลือเท่าไหร่ใส่กระปุกและนำไปฝากเงิน ซึ่งท่านอาจจะทำเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนก็ได้

3) มีโบนัสพิเศษเมื่อได้เงินออมเพิ่มขึ้น วิธีนี้แล้วแต่ผู้ปกครองแต่ละท่านว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยครับ แต่ผมได้รู้จักผู้ปกครองหลายท่านที่ใช้วิธีนี้ ปรากฏว่าลูกหลานนิยมการออมเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ทุกๆ 3 เดือนผู้ปกครองก็จะเข้ามาดูบัญชีที่เปิดไว้ร่วมกันว่ามีเงินออมเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้ามีเพิ่มขึ้นผู้ปกครองก็จะมีโบนัสให้เท่ากับจำนวนที่เพิ่มขึ้นเข้าบัญชีนี้ อาจจะนำมาประยุกต์กับช่วงเวลาปิดเทอมนี้ได้ครับ

4) ทำให้บุตรหลานคิดก่อนจ่ายเงินซื้อของฟุ่มเฟือย แต่อย่าสอนให้เป็นคนตระหนี่ที่จะจ่ายเงินสำหรับสิ่งที่จำเป็น ใน 3 ข้อข้างต้นท่านจะพบว่าท่านเข้ามาเป็นที่ปรึกษาทุกกระบวนการให้แก่บุตรหลานท่าน การเข้ามาเป็นที่ปรึกษานี้เองจะทำให้ท่านและบุตรหลานท่านได้พูดคุยกันมากขึ้น ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงที่บุตรหลานเมื่อจะใช้จ่ายเงินก็จะมาหารือกันก่อนใช้จ่าย ซึ่งท่านผู้ปกครองก็อาจยึดทางายกลางและมีความเหตุผลที่ผู้ใหญ่มีต่อผู้เยาว์ในการใช้เงินออมนี้

ผมเชื่อว่าด้วยวิธีเหล่านี้จริงๆ แล้วใช้ได้ตลอด แต่ถ้าท่านอยากจะทำเป็นโปรแกรมสั้นๆ ในช่วงปิดเทอมนี้ก็สามารถทำได้ ช่วยกันให้เราเป็นสังคมรักการออม ช่วยกันสร้างเด็กให้รักการออม เท่ากับว่าท่านกำลังสร้างสังคมที่ดีแก่บุตรหลานท่านในอนาคต ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่มีปัญหาสังคมค่อนข้างมาก การสร้างหนี้สินโดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลและหนี้บัตรเครดิตกำลังเป็นที่เรื้อรังและสร้างปัญหาสังคมขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น