xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.วรรณกระตุ้นยอด1NEWCAP-D ตั้งตัวแทนขาย3บริษัทรวดหวังดึงลูกค้าเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.วรรณตั้งตัวแทนจำหน่ายของกองทุน 1NEWCAP และกองทุนเปิด 1NEWCAP-D รวดเดียว 3 บริษัท หวังขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางมากขึ้น และรองรับการปรับเพิ่มขนาดของกองทุน1NEWCAP-D อีก 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมชี้ข้อดีสามารถไปลงทุนได้ทั่วโลก ทำให้มีโอกาสในการเลือกลงทุนได้มากกว่า กระจายความเสี่ยง และสามารถมองหาตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงได้มากขึ้น

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทจัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ประกาศแต่งตั้งผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของ กองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (1NEWCAP) และกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ (1NEWCAP-D) เพิ่มเติมอีก 3 บริษัท คือ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จํากัด (มหาชน) และธนาคารดอยซ์แบงก์ เอจี สาขากรุงเทพมหานคร

ส่วนสาเหตุที่มีการแต่งตั้งผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวเพิ่ม เนื่องจากเป็นกองทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก และจากการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายอีก 3 บริษัทจะทำให้ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้น 20% จากที่มีอยู่แล้วจำนวน 15 ราย ซึ่งทำให้มีการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างกว้างขวางและครบถ้วน รวมทั้งลูกค้าสะดวกในการเข้ามาซื้อกองทุน เนื่องจากตัวแทนจำหน่ายแต่ละรายจะมีฐานของลูกค้าที่แตกต่างกันไป

นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเพื่อรองรับการปรับเพิ่มขนาดของกองทุน 1NEWCAP-D อีกประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย โดยเชื่อว่าหลังจากมีการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายแล้ว ขนาดของกองทุนทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะมีการเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากกองทุนมีผลการดำเนินงานที่ดี และสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี จะส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้นด้วยอิทธิพลแบบปากต่อปาก

โดยข้อดีของกองทุนทั้ง 2 กองทุนคือเป็นการมองหาโอกาสการลงทุนจากทั่วโลก เนื่องจากกองทุนสามารถไปลงทุนได้ทั่วโลก ทำให้มีโอกาสในการเลือกลงทุนได้มากกว่า มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี และสามารถมองหาตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงได้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีนโยบายในการเพิ่มขนาดของกองทุน 1NEWCAP แต่อย่างใด เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ของกองทุนเป็นลูกค้ารายย่อย และมีจำนวนเม็ดเงินลงทุนที่กระจัดกระจาย

สำหรับกองทุนเปิด 1NEWCAP และกองทุนเปิด 1NEWCAP-D จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ New Capital Global Fixed Income Fund (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) ที่จะพิจารณาลงทุนจะมีทรัพย์สินที่ลงทุนเป็นประเภทและชนิดเดียวกับทรัพย์สินที่สำนักงานคณะกรรมการกำหับหลักทรัพย์หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดให้กองทุนอาจลงทุนหรือมีไว้ได้ ทั้งนี้ หากกองทุนในต่างประเทศ (Master Fund) มีการลงทุนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงการลงทุนในต่างประเทศ (Master Fund) และขอสงวนสิทธิที่จะเลิกกองทุนนี้

ส่วนกองทุน New Capital Global Fixed Income Fund ซึ่งจะกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และ/หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับตั้งแต่ A ขึ้นไป จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Standard & Poor (S&P) โดยกองทุน New Capital Global Fixed Income Fund บริหารจัดการโดย EFG Asset Management London ในเครือ EFG Bank ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนสามารถทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดความผันผวนของสกุลเงินที่กองทุนไปลงทุน โดยจะทำสถานะของการป้องกันความเสี่ยงจะไม่เกิน 105% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ขณะเดียวกัน ยังได้ EFG Private Bank Limited สาขาลอนดอน เป็นผู้บริหารกองทุนด้วย

นอกจากนี้ กองทุนเปิด 1NEWCAP ไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล ขณะที่กองทุนเปิด 1NEWCAP-D มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ในอัตราไม่เกิน 100% ของกำไรสะสมหรือกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลนั้น แล้วแต่กรณีและการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นในงวดบัญชีที่มีการจ่ายเงินปันผลนั้น

ทั้งนี้ รายงานสรุปเงินลงทุนของกองทุน 1NEWCAP สิ้นสุด วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ดังนี้ ลงทุนในตราสารภาครัฐไทย และตราสารภาครัฐต่างประเทศประมาณ 58.75 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 11.78% ลงทุนในตราสารที่ธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุนเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกันประมาณ 343.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 68.95% และลงทุนในตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ประมาณ 96.06 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.26%

ขณะที่รายงานสรุปเงินลงทุนของกองทุน 1NEWCAP-D สิ้นสุด วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ดังนี้ ลงทุนในตราสารภาครัฐไทย และตราสารภาครัฐต่างประเทศประมาณ 183.87 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.08% ลงทุนในตราสารที่ธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทเงินทุนเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกันประมาณ 1,043.22 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 68.56% และลงทุนในตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ประมาณ 294.54 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 19.36%
กำลังโหลดความคิดเห็น