xs
xsm
sm
md
lg

เฟดลดดอกเบี้ยกดยิลด์บอนด์ใหม่ ของเก่าได้อานิสงส์ราคาในตลาดพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดตราสารหนี้ไทยบูมหลังยกเลิกมาตรการ 30% ต่างชาติแห่ลงทุนเพิ่มแล้วกว่า 66,000 ล้านบาท “ณัฐพล”คาดเฟดลดอัตราดอกเบี้ยกดดันผลตอบแทนพันธบัตร ส่วนบอนด์เก่าที่ขายไปแล้วจะมีราคาเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง

นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiMBA) กล่าวถึงภาวการณ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมาว่า ตลาดตราสารหนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ (Non-resident)เเละนักลงทุนที่อยากใด้ผลตอบเเทนที่สูงกว่าการได้รับดอกเบี้ยเงินธนาคาร โดยพันธบัตรระยะสั้นที่อายุต่ำกว่า 1 ปีจะได้รับความสนใจของผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก รองลงมาคือพันธบัตรที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารเเห่งประเทศไทยได้รับความนิยมสูงที่สุดในช่วงนี้

"สำหรับภาวะการซื้อขายตราสารหนี้หลังการยกเลิกมาตรการ 30% นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากขึ้น ทางสมาคมฯคาดการณ์ว่านักลงทุนต่างชาติจะมียอดถือครองสุทธิ (Net Holding) ตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้นเป็น 70,000 ล้านบาท ซึ่งณ.วันนี้(19 มีนาคม 2551)มียอดสุทธิที่ชาวต่างชาติถือครองอยู่ 66,600 ล้านบาทเเล้ว ตั้งเเต่ยกเลิกมาตรการ30% ไปเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 เเละอีกไม่นานจะมีเม็ดเงินของต่างชาติมาเข้ามาตลาดบอนด์ของไทยเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เเน่นอน " กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยกล่าว

อย่างไรก็ตามเเนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของตลาดตราสารหนี้ ในช่วงนี้มีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวลดลงเพราะปัจจัยภายนอกอย่างปัญหาเรื่องของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงเหลือ 0.75% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนปัจจัยภายในประเทศคือการปรับลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
ทั้งนี้จากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะมีการปรับตัวลง จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ลดลงด้วย ซึ่งจะทำให้พันธบัตรที่มีการซื้อขายอยู่เล้วมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้

สำหรับภาวะการซื้อขายของตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมา ณ วันที่ 18 มีนาคม 2551 มีปริมาณการซื้อขายทั้งสิ้น 208,852.22 ล้านบาท เเบ่งเป็นการซื้อขายแบบ outright หรือการซื้อขายขาดแบบไม่มีภาระผูกพัน มีมูลค่าอยู่ที่ 86,132.70 ล้านบาท คิดสัดส่วนเป็น 41% ของมูลค่าการซื้อขายรวม และปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าตัว ส่วนมูลค่าการซื้อขายในตลาดรองนั้นการซื้อขายสูงสุดยังคงเป็น พันธบัตรของธนาคารเเห่งประเทศไทย ด้วยมูลค่าการซื้อขายแบบ outright ที่ 80,608.95 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัว เนื่องจากมีการประมูลพันธบัตร ธนาคารเเห่งประเทศไทย อายุคงเหลือ 14 วัน มูลค่า 55,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันการประมูลพันธบัตรธนาคารเเห่งประเทศไทยมีค่า BCR (มูลค่าความต้องการประมูล ต่อมูลค่าพันธบัตรที่เสนอประมูล) อยู่ที่ 1.74 เท่า ปรับตัวลดลงจาก BCR ที่ 2.09เท่าของการประมูลพันธบัตรธนาคารเเห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา

มูลค่าซื้อขายรองลงมาได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายแบบ outright 3,856.48 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อน 5% โดยมีพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นที่นิยมซื้อขายในตลาดรองคือรุ่นอายุคงเหลือประมาณ 1 ปี (LB095C) ด้วยมูลค่าการซื้อขายแบบ outright ที่ 952.50 ล้านบาท การซื้อขายพันธบัตรรุ่นนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่าตัว มีมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดเป็นแบบ outright 952.50 ล้านบาท ด้านการซื้อขายตั่วเงินคลัง หุ้นกู้เอกชนและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจค่อนข้างเบาบาง ผู้เล่นหลักได้แก่ ดีลเลอร์ ซื้อขายกับกลุ่มกองทุนรวม ที่เน้นซื้อขายพันธบัตร ธปท. อายุคงเหลือสั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น