ณัฐพัชร์ ลัคนาธรรมพิชิต
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด
0-2686-9500
นึกถึงสมัยที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ ตอนนั้นโรงเรียนกวดวิชายังมีไม่มากเหมือนสมัยนี้ ผู้ที่ได้เรียนพิเศษก็เฉพาะครอบครัวที่พอจะมีสตางค์ส่งให้ลูกหลานได้เรียน มิฉะนั้นเด็กๆอาจจะต้องหางานพิเศษทำเพื่อช่วยเหลือครอบครัวซะด้วยซ้ำ ทุกวันนี้การเรียนพิเศษกลายเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุกครอบครัว เพราะการสอบแข่งขันสูงมาก ทำให้เวลาส่วนใหญ่ของผู้ปกครองต้องเสียไปกับการคอยรับส่งลูกเพื่อเรียนพิเศษทั้งในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และช่วงปิดเทอม
แล้วการลงทุนของเราล่ะ จะมีช่วงให้ปิดเทอม เพื่อพักสมองกันบ้างหรือเปล่าหนอ ที่จริงก็มีอยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่ได้ยาวขนาดเป็นเดือนๆเหมือนอย่างโรงเรียน อย่างมากก็สัก 4 หรือ 5 วัน ที่เพิ่งผ่านไปก็ช่วงเทศกาลตรุษจีน ตลาดหุ้นของประเทศจีนหยุดไป 5 วัน (ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์) สำหรับเทศกาลคริสต์มาสแม้บริษัทฝรั่งต่างๆจะมีวันหยุดกันยาว แต่ตลาดหุ้นของสหรัฐฯก็ไม่ได้หยุดตาม แม้ปริมาณซื้อขายจะเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ของบ้านเราช่วงเทศกาลสงกรานต์มีวันหยุดเพียง 3 วัน (13 – 15 เม.ย.) ตลาดหุ้นก็หยุดซื้อขายตาม
สำหรับพอร์ตโฟลิโอที่มีการลดสัดส่วนในการลงทุนในตราสารทุนลงจนเป็นศูนย์ ถือได้ว่าเป็นการพักร้อนหรือปิดเทอมของพอร์ตไปได้เหมือนกัน เพราะความเสี่ยงลดลงอย่างมาก เนื่องจากระดับการติดตามการเคลื่อนไหวของมูลค่าพอร์ตจะแปรผันตามระดับความเสี่ยงของพอร์ต พอร์ตที่มีความเสี่ยงมากผู้จัดการกองทุนก็จะต้องติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดมาก เมื่อมีความเสี่ยงลดลงผู้จัดการกองทุนก็อาจจะลดระดับในการติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดไปได้บ้าง แต่แน่นอนว่าทิ้งยาวไปเลยไม่ได้เพราะอาจจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ฉะนั้นในแต่ละ บลจ. จึงต้องมีการกำหนดให้มีผู้จัดการกองทุนสำรองคอยดูแลแทนเมื่อผู้จัดการกองทุนหลักหยุดพักผ่อนหรือลาป่วย
บางครั้ง การที่ผู้จัดการกองทุนได้หยุดพักผ่อนไปเพื่อพักสมองบ้างอาจจะเป็นการดี เพราะปกติเวลาบริหารกองทุนมักจะมีความเครียดเป็นพิเศษ ถ้าได้หยุดไป แล้วกลับมา จะได้สดชื่นหรือเริ่มต้นการบริหารกองทุนอีกครั้งโดยปราศจากความเครียดที่ได้เลือนหายไปในระหว่างการพักร้อน
ภาวะตลาดหุ้น ดัชนี SET ยังอยู่ในช่วง side way หรือเคลื่อนตัวอยู่ในช่วงแคบๆ ระหว่าง 800 ถึง 840 จุด ทำให้เหมาะกับการพักยกชั่วคราว แต่ทั้งนี้ก็พร้อมที่จะมีความผันผวนหรือเคลื่อนตัวอย่างรุนแรงในอีก 1 – 2 สัปดาห์นี้ โดยมีกรอบการเคลื่อนตัวขยับกว้างขึ้นไปอยู่ระหว่าง 777 ถึง 888 จุด
คืนวันนี้ เวลาในประเทศไทยซึ่งจะเป็นเช้าวันที่ 18 มี.ค. 51 ในประเทศสหรัฐฯ จะมีการประชุมของ FOMC เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Fund Rate) โดยล่าสุดนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.75% จาก 3.00% เป็น 2.25% พอจะเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดหุ้นบ้าง ทั้งนี้ขึ้นกับว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) ที่จะมีการประชุมของ กนง. ในวันที่ 9 เม.ย. 51 ว่าจะลดลงตามหรือไม่ เพราะถ้าไม่ลดตามก็จะมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย มีผลให้เงินไหลเข้าประเทศไทย ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปได้อีก โดยครั้งนี้ฝรั่งอาจจะเข้ามาลงทุนได้ทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น เพราะไม่ต้องมีการหักเงินสำรอง 30% ซึ่งจะทำให้เงินเข้าออกได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้นด้วย ทำให้มีความผันผวนสูงได้ทั้งสองตลาด (High Risk High Return)
การพักร้อนในการลงทุน เหมาะกับภาวะตลาดที่อยู่ในช่วงที่ไม่ชัดเจนว่าจะเคลื่อนตัวไปทางใดแน่ หรือภาวะตลาดที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจะอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งก็แน่นอนว่าสมควรที่จะหยุดการซื้อ/ขายไปสักพัก เพื่อรอเข้าลงทุนใหม่เมื่อภาวะตลาดกลับมาพร้อมที่จะขึ้นในรอบต่อไป
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”
“ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต”
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด
0-2686-9500
นึกถึงสมัยที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ ตอนนั้นโรงเรียนกวดวิชายังมีไม่มากเหมือนสมัยนี้ ผู้ที่ได้เรียนพิเศษก็เฉพาะครอบครัวที่พอจะมีสตางค์ส่งให้ลูกหลานได้เรียน มิฉะนั้นเด็กๆอาจจะต้องหางานพิเศษทำเพื่อช่วยเหลือครอบครัวซะด้วยซ้ำ ทุกวันนี้การเรียนพิเศษกลายเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุกครอบครัว เพราะการสอบแข่งขันสูงมาก ทำให้เวลาส่วนใหญ่ของผู้ปกครองต้องเสียไปกับการคอยรับส่งลูกเพื่อเรียนพิเศษทั้งในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และช่วงปิดเทอม
แล้วการลงทุนของเราล่ะ จะมีช่วงให้ปิดเทอม เพื่อพักสมองกันบ้างหรือเปล่าหนอ ที่จริงก็มีอยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่ได้ยาวขนาดเป็นเดือนๆเหมือนอย่างโรงเรียน อย่างมากก็สัก 4 หรือ 5 วัน ที่เพิ่งผ่านไปก็ช่วงเทศกาลตรุษจีน ตลาดหุ้นของประเทศจีนหยุดไป 5 วัน (ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์) สำหรับเทศกาลคริสต์มาสแม้บริษัทฝรั่งต่างๆจะมีวันหยุดกันยาว แต่ตลาดหุ้นของสหรัฐฯก็ไม่ได้หยุดตาม แม้ปริมาณซื้อขายจะเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ของบ้านเราช่วงเทศกาลสงกรานต์มีวันหยุดเพียง 3 วัน (13 – 15 เม.ย.) ตลาดหุ้นก็หยุดซื้อขายตาม
สำหรับพอร์ตโฟลิโอที่มีการลดสัดส่วนในการลงทุนในตราสารทุนลงจนเป็นศูนย์ ถือได้ว่าเป็นการพักร้อนหรือปิดเทอมของพอร์ตไปได้เหมือนกัน เพราะความเสี่ยงลดลงอย่างมาก เนื่องจากระดับการติดตามการเคลื่อนไหวของมูลค่าพอร์ตจะแปรผันตามระดับความเสี่ยงของพอร์ต พอร์ตที่มีความเสี่ยงมากผู้จัดการกองทุนก็จะต้องติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดมาก เมื่อมีความเสี่ยงลดลงผู้จัดการกองทุนก็อาจจะลดระดับในการติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดไปได้บ้าง แต่แน่นอนว่าทิ้งยาวไปเลยไม่ได้เพราะอาจจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ฉะนั้นในแต่ละ บลจ. จึงต้องมีการกำหนดให้มีผู้จัดการกองทุนสำรองคอยดูแลแทนเมื่อผู้จัดการกองทุนหลักหยุดพักผ่อนหรือลาป่วย
บางครั้ง การที่ผู้จัดการกองทุนได้หยุดพักผ่อนไปเพื่อพักสมองบ้างอาจจะเป็นการดี เพราะปกติเวลาบริหารกองทุนมักจะมีความเครียดเป็นพิเศษ ถ้าได้หยุดไป แล้วกลับมา จะได้สดชื่นหรือเริ่มต้นการบริหารกองทุนอีกครั้งโดยปราศจากความเครียดที่ได้เลือนหายไปในระหว่างการพักร้อน
ภาวะตลาดหุ้น ดัชนี SET ยังอยู่ในช่วง side way หรือเคลื่อนตัวอยู่ในช่วงแคบๆ ระหว่าง 800 ถึง 840 จุด ทำให้เหมาะกับการพักยกชั่วคราว แต่ทั้งนี้ก็พร้อมที่จะมีความผันผวนหรือเคลื่อนตัวอย่างรุนแรงในอีก 1 – 2 สัปดาห์นี้ โดยมีกรอบการเคลื่อนตัวขยับกว้างขึ้นไปอยู่ระหว่าง 777 ถึง 888 จุด
คืนวันนี้ เวลาในประเทศไทยซึ่งจะเป็นเช้าวันที่ 18 มี.ค. 51 ในประเทศสหรัฐฯ จะมีการประชุมของ FOMC เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Fund Rate) โดยล่าสุดนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.75% จาก 3.00% เป็น 2.25% พอจะเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดหุ้นบ้าง ทั้งนี้ขึ้นกับว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) ที่จะมีการประชุมของ กนง. ในวันที่ 9 เม.ย. 51 ว่าจะลดลงตามหรือไม่ เพราะถ้าไม่ลดตามก็จะมีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย มีผลให้เงินไหลเข้าประเทศไทย ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปได้อีก โดยครั้งนี้ฝรั่งอาจจะเข้ามาลงทุนได้ทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น เพราะไม่ต้องมีการหักเงินสำรอง 30% ซึ่งจะทำให้เงินเข้าออกได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้นด้วย ทำให้มีความผันผวนสูงได้ทั้งสองตลาด (High Risk High Return)
การพักร้อนในการลงทุน เหมาะกับภาวะตลาดที่อยู่ในช่วงที่ไม่ชัดเจนว่าจะเคลื่อนตัวไปทางใดแน่ หรือภาวะตลาดที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจะอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งก็แน่นอนว่าสมควรที่จะหยุดการซื้อ/ขายไปสักพัก เพื่อรอเข้าลงทุนใหม่เมื่อภาวะตลาดกลับมาพร้อมที่จะขึ้นในรอบต่อไป
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”
“ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต”