xs
xsm
sm
md
lg

เก็บ...ทองคำ ใส่พอร์ต! อีกทางเลือกการลงทุน ในช่วงดอกเบี้ยแบงก์..’ต่ำ’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นับตั้งแต่โบราณกาลมา มนุษย์ล้วนรู้จักใช้ทรัพยากรรอบกายให้เกิดประโยชน์สูงสุด สินแร่มากมายหลายประเภทถูกขุดขึ้นแปรรูป ออกมาเป็นวัสดุเครื่องใช้ต่างๆ แต่มีแร่ชนิดหนึ่งที่มนุษย์ตีค่าให้กับมันอย่ามหาศาล นั่นคือ “ทองคำ”

ทุกยุคทุกสมัย ทองคำถูกนำมาเปรียบเทียบเป็นสิ่งมีค่าสูงสุดในคลังสมบัติ ผ่านล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน ทองคำยังเป็นใฝ่หาในมวลมนุษย์ที่หวังจะได้สัมผัสและครองครองไว้เป็นเจ้าของ ไม่เว้นแม้กระทั่งการลงทุน

ปัจจุบัน ทองคำน้ำหนักเพียง 1 บาท มีค่าเป็นเงินถึง 14,000 – 15,000 บาท ไม่คิดรวมค่ากำเหน็จสำหรับทองรูปพรรณ และทองคำแท่งน้ำหนัก 1 กิโลกรัม มีค่าถึง 9.7 แสนบาท คนทั่วโลกรู้จักกับเจ้าสิ่งนี้ดี และมองเห็นถึงคุณค่าว่าหากสมารถได้เป็นเจ้าของ หรือสามารถสะสมเก็บไว้ได้ จะช่วยให้ชีวิตในวันข้างหน้าอุ่นใจเหลือแสน เพราะนั่นหมายถึงเครื่องการันตี ถึงความมั่งคั่งทางด้านทรัพย์อีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากตัวเลขบัญชีเงินฝากในธนาคาร ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่นิติบุคคลด้วยเช่นกัน

ดังนั้นการลงทุนผ่านทองคำ จึงนับว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูง เพราะเชื่อว่าราคาของสินแร่ประเภทนี้ แม้จะมีการร่อนตัวลงมาบ้าง แต่ก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงมูลค่าไปในทางขยายตัวมากกว่า จนเกิดการเก็งกำไรการลงทุนผ่านทองคำขึ้น (ตลาดซื้อขายล่วงหน้า) ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นมากร่วม 50%

ขณะเดียวกัน บริษัทจัดการกองทุนหลายแห่งเริ่มที่จะมีการจัดตั้งกองทุนที่อิงผลตอบแทนจากราคาทองคำ ออกมาให้นักลงทุนที่สนใจได้เข้าลงทุน ซึ่งผลตอบแทนของกองทุนประเภทอยู่ในระดับที่สูง

พิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมทองคำ และผู้บริหารห้างทองเลี่ยงเส็งเฮง** ให้ข้อมูลเรื่องราคาทองคำกับ “ผู้จัดการกองทุนรวม” ว่า ถ้าพูดถึงระยะปี 2551 นี้ จะต่างจากปี2550 โดยที่เริ่มต้นปี 2551 เดือนมกราคม ราคาทองในต่างประเทศผันผวนมาก ราคาในประเทศไทยก็ขึ้นลงตามราคาต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาเราจะตั้งราคาทองคำตามราคาต่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ดังนั้นถ้าต่างประเทศราคาสูงขึ้น ร้านทองในเมืองไทยก็ต้องตั้งราคาสูงขึ้นตาม

ทั้งนี้เนื่องจากทองคำเป็นสิ่งที่ซื้อขายได้ทั่วโลก ดังนั้นถ้าประเทศไทยตั้งราคาตํ่ากว่าราคาต่างประเทศก็จะมีพวกเก็งกำไรเขาก็สามารถมาซื้อทองในไทยเพิ่มขึ้น และอาจทำให้ภายในประเทศเกิดการขาดแคลน นอกจากนี้ทองคำแท่งในปัจจุบันเป็นสินค้าที่ไม่ต้องเสียภาษีก็เหมือนกับเปิดทางให้นักเก็งกำไรเข้ามารับผลประโยชน์จากเรื่องดังกล่าวได้เต็มที่ ยกเว้นทองคำรูปพรรณที่เสียภาษี 10%

ราคาทองคำจะดีดตัวเมื่อ....?

ปัจจัยจริงๆ มาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ที่ทำให้กองทุนเฮดฟันด์ทั้งหลายย้ายการลงทุนจากพวกอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรามาซื้อขายทองมากขึ้น รวมถึงกองทุนนํ้ามันที่เมื่อเวลาขายนํ้ามันไม่สามารถประคับประครองให้ราคาให้เกิน 100เหรียญ/บาร์เรลขึ้นมาได้ ก็อาจโยกเงินลงทุนนั้นมาซื้อขายทองอีกทีหนึ่ง ดังนั้นจึงผลให้ราคาทองต่างประเทศปรับตัวขึ้นๆลงๆ ซึ่งเป็นไปตามกระแสของเฮดฟันด์ที่ลงทุนมากกว่าการซื้อขายจริง เพราะว่าตามทั่วๆไป วัตถุหรือสินค้าชนิดใดก็ตามพอราคาสูงไปเรื่อยๆผู้บริโภคจะซื้อสินค้านั้นน้อยลง

นอกจากนี้ผลกระทบของค่าเงินบาทยังส่งผลต่อราคาทองคำมาก เพราะถ้าค่าเงินบาทแข็งค่า ราคาทองก็จะอ่อนตัวลง แต่ถ้าค่าเงินบาทอ่อนค่ามากกว่านี้ราคาทองก็จะถีบตัวสูงขึ้นไปกว่านี้ดังนั้นทางธนาคารแห่งประเทศไทยหรือกระทรวงการคลังควรจะรองรับเรื่องนี้ เพราะค่าเงินบาทอ่อนมากเกินไปก็ไม่ถูกต้องเนื่องจากปัจจุบันนี้รายได้หลักของประเทศไทยอยู่ที่การส่งออกมากกว่าการนำเข้านั่นเอง

ในเมืองไทยมีกฎหมายคุ้มครองอะไรบ้าง?

“อยากให้ผู้บริโภครู้ว่ายังเราไม่มีกฎหมายรองรับในเรื่องนี้ เพราะยังอยู่ในระหว่างร่างกฎหมายอยู่ ถ้ามีบริษัทไหนมากชวนให้ไปร่วมซื้อขายทองคำล่วงหน้าให้ระมัดระวังไว้เพราะปัจจุบันมีหลายบริษัทแบบนี้ แอบทำการซื้อขายล่วงหน้าอยู่ โดยจะอ้างว่าเป็นการซื้อในต่างประเทศ จากฮ่องกง อังกฤษ หรือนิวยอร์ก แต่ในความจริงบริษัทเหล่านั้นอาจจะมีการตกแต่งตัวเลขราคาทองคำบนกระดานอิเล็กทรอนิกส์ได้”

ประเมินว่าราคาทองคำครึ่งปีหลัง

นายพิชญา กล่าวว่า หลังจากมีตลาดซื้อขายล่วงหน้ากับกองทุนเฮดฟันด์เข้ามาลงทุนในทองคำด้วย ทำให้การประเมินราคาจะยากขึ้น เพราะว่ากองทุนเหล่านี้จะไม่มีการถือครองทุกอย่างเป็นเวลานานพอได้กำไรก็ขายทิ้ง สังเกตุได้จากมีการอ้างอิงจากราคานํ้ามันมาโดยตลอด

ดังนั้นเมืองไทย นักลงทุนที่ลงทุนในทองคำควรจะเป็นนักลงทุนที่มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ โดยส่วนใหญ่จะซื้อในรูปของทองคำแท่ง อย่างไรก็ตามคนที่อยากจะลงทุนในเรื่องทองคำต้องประเมินสถานการณ์ของตนเองก่อนว่ามีเงินเหลือพอรึเปล่าเพราะว่าการลงทุนในทองคำไม่ใช่ว่าจะได้กำไรในวันหรือสองวัน ต้องเป็นคนใจเย็นและต้องศึกษาข้อมูลมาให้ดีจริงๆ เพราะว่ามีนักลงทุนบางคนซื้อตามกระแสเข้ามา อาจทำให้ขาดทุนได้เมื่อขายทิ้ง

ปัจจุบัน จากการสำรวจของหลายฝ่าย พบว่าเริ่มมีนักลงทุนให้ความสนใจกับการลงทุนผ่านทองคำ เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากค่อนข้างต่ำ อีกทั้งเงินเฟ้อยังเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนมีเงิน หรือนักธุรกิจที่ฝากเงินกับธนาคารแต่ได้รับดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มองว่าราคาทองมีแนวโน้มสูงขึ้นเลยหันมาซื้อทองคำแท่งแทน ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งจะซื้อทองรูปพรรณคือกลุ่มระดับกลางลงมาระดับล่าง ซึ่งซื้อไปในงานมงคลสมรส ขณะที่พวกกลุ่มย่อยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแม่บ้านที่เงินเหลือมาซื้อทองไปเก็บออม แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี คนกลุ่มนี้ไม่มีเงินเหลือเก็บเลยทำให้ยอดการซื้อทองลดลงค่อนข้างเยอะ**

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทองคำทำกำลังจะถึง 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ทองคำก็ยังต่างจากระดับ 2,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลของปี 2523 เมื่อปรับตัวเลขตามเงินเฟ้อในขณะนี้

ทั้งนี้การอ่อนตัวของดอลลาร์ทำให้ทองคำถูกลง สำหรับนักลงทุนนอกสหรัฐฯ ราคาทองคำในตลาดสปอต อยู่ที่ประมาณ 990 ดอลลาร์ต่ออนซ์ หลังจากที่แตะ 991.90 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีสำหรับราคาที่ยังไม่ปรับตามเงินเฟ้อ และใกล้ถึงระดับ 1,000ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา

ส่วนในประเทศไทย หลายฝ่ายยังมีการคาดการณ์กันว่า เมื่อพ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี่นี้ จะทำให้นักลงทุนเริ่มสนใจที่จะซื้อทองคำเก็บสะสม หรือเข้ามาเก็งกำไรในทองคำเพิ่มขึ้น ดังนั้นเรื่องดังกล่าว ภาครัฐควรที่จะหาเครื่องมือออกมาป้องกันและแก้ไข หรือควบคุมให้เกิดความเป็นธรรมในการซื้อขายมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น