xs
xsm
sm
md
lg

KTAMไม่หั่นราคาแข่งแชร์กองสำรองฯ ชูฝีมือปั้นผลตอบแทนสูงมัดใจลูกค้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กรุงไทย รุกหาลูกค้าแบงก์แม่ หวังช่วยดันเอ็นเอวีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโตเพิ่ม เพื่อกลับมาครองเจ้าตลาดอีกปี ชี้หลายกองทุนเชื่อมั่นฝีมือยินดีให้เข้าลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อรับผลตอบแทนเพิ่ม ยืนยันไม่ลงแข่งขันสงครามหั่นราคาค่าบริการ เน้นให้ข้อมูลสมาชิก และโชว์ผลตอบแทนที่ขยายตัวเป็นจุดขายมากกว่า

นางสาวประภา ปูรณโชติ
รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทในปี 2551 ว่า บริษัทจะหันเข้าไปเจาะตลาดในกลุ่มลูกค้าของธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เพิ่มขึ้น เนื่องจากยังมีบริษัทที่เป็นลูกค้าของธนาคารจำนวนมาก ที่ยังไม่มีการจัดตั้งกองทุนประเภทนี้ให้แก่พนักงาน

ขณะเดียวกัน บริษัทได้จัดเตรียมความพร้อมทางธุรกิจเพื่อรองรับ พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องของการเกษียณอายุของพนักงาน ซึ่งพ.ร.บ.ฉบับใหม่ระบุว่า ยังสามารถสะสมเงินไว้ในกองทุนต่อไปได้แม้เกษียณอายุแล้ว หรือจะเลือกรับเงินคืนแบบทยอยรับเป็นงวด รวมทั้งการขยายตลาดไปสู่ในภูมิภาคอื่นๆของประเทศ

“เราจะกลับมาให้ความสำคัญกับลูกค้าของแบงก์กรุงไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่มีการจัดตั้งใหม่ซึ่งจะเชิญชวนลูกค้าประเภทนี้ให้เข้ามาจัดตั้งกองทุน รวมถึงการขยายตลาดไปสู่ต่างจังหวัดตามภูมิภาคอื่นของประเทศ ขณะเดียวกันเราได้เตรียมการรองรับพ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพฉบับที่จะมีการประกาศใช้ โดยเฉพาะในเรื่องของการฝากเงินหรือทยอยรับเงินลงทุนไว้กับกองทุนต่อไปได้หลังเกษียนอายุ”
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีนี้ ประเมินว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นการให้ความรู้ความเข้าใจต่อการลงทุนของกองทุนจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยบริษัทจะต้องชี้แจงให้สมาชิกทราบถึงผลตอบแทนที่ตนจะได้รับ จากการเลือกลงทุนประเภทต่างๆ

ปัจจุบันสมาชิกในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบลจ.กรุงไทยหลายรายมีความรู้ด้านการลงทุนเพิ่มขึ้น เห็นได้จากการเลือกลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้รับความสนใจจากกองทุนสำรองเลี้ยงหลายแห่ง เนื่องจากในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถบริหารจัดการพอร์ตลงทุนหลักทรัพย์จนสร้างผลตอบแทนให้แก่กองทุนได้ในระดับสูง นอกจากนี้หลายกองทุนยังมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย เนื่องจากกองทุนเหล่านี้ บางกองทุนมีขนาดใหญ่และมีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนได้

ส่วนการแข่งขันทางธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย กล่าวว่า ธุรกิจจะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของราคาในการให้บริการ ซึ่งในส่วนของบริษัทต้องขอคงอัตราราคาการให้บริการไว้เช่นเดิม และจะไม่นำเรื่องดังกล่าวมาใช้แข่งขันกับผุ้ประกอบการรายอื่น แต่จะชี้แจงให้สมาชิกเห็นถึงประโยชน์จากผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนมากกว่า

“เรามีเป้ามหายที่จะรักษาส่วนการตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เป็นอันดับ1ต่อไป แต่จะไม่ใช้วิธีตัดราคา แม้อาจมีรายอื่นๆยื่นข้อเสนอให้ลูกค้าถึงในเรื่องราคาที่ต่ำกว่าโดยในปีที่ผ่านมาเราได้ทำการเซ็นสัญญาต่ออายุการเข้าบริหารกองทุนเดิมไปแล้วจำนวน 18 ราย จากทั้งหมด 19 ราย และมีลูกค้าซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจรายหนึ่งไม่ต่อสัญญากับบริษัท ทั้งที่เคยได้รับความไว้วางใจให้เราบริหารกองทุนดังกล่าวมายาวนานรวม 7-8 ปี ส่งผลให้สินทรัพย์ลดลงประมาณหมื่นล้านบาท ส่วนสาเหตุน่าจะมาจาก กองทุนดังกล่าวอาจจะต้องการหาแผนการลงทุนแบบใหม่เพิ่มเติมนั่นเอง”

ทั้งนี้ ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ( NAV)ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพบลจ.กรุงไทยอยู่ที่ประมาณ 71,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3% จากปี 2549 ที่มีอยู่ 69,297 ล้านบาท แบ่งเป็นนายจ้างกลุ่มรัฐวิสาหกิจ 90% ส่วนที่เหลืออีก10% เป็นกลุ่มนายจ้างบริษัทเอกชนทั่วไป และมีจำนวนกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 34 กองทุน แบ่งเป็น นายจ้างประมาณ 200 ราย และมีสมาชิกประมาณ 140,000 ราย ซึ่งในปี 2551 บริษัทจะรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ โดยเน้นการบริการที่ดี ให้ความรู้ด้านการลงทุนต่อคณะกรรมการ และสมาชิกกองทุนต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น