xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนประกันสังคมไม่หวั่นซับไพรม์ เหตุลงทุนแต่พันธบัตรตปท.มั่นคงสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สำนักงานประกันสังคมมั่นใจ วิกฤตซับไพรม์ไม่กระทบการลงทุน เหตุเน้นลงทุนแต่ในพันธบัตรของรัฐบาลต่างประเทศที่มีความมั่นคงสูง แจงสัดส่วนลงทุนของกองทุนกว่า 82% อยู่ในพันธบัตรรัฐบาล-พันธบัตรวิสาหกิจที่คลังค้ำประกัน-เงินฝากธนาคาร-หุ้นกู้เอกชน

นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า ปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (ซับไพรม์) ซึ่งลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริการวมถึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในขณะนี้นั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศของกองทุนประกันสังคมแต่อย่างใด เนื่องมาจากการลงทุนของกองทุนประกันสังคมส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบอย่างใดจากปัญหา Subprime Mortgage

ทั้งนี้ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุนรวม 499,912 ล้านบาท แบ่งออกเป็นเงินกองทุนประกันสังคมกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ 398,488 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินออมไว้เพื่อจ่ายบำนาญชราภาพในปี 2557 , เงินกองทุนที่ดูแลกรณีเจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ และคลอดบุตร จำนวน 72,736 ล้านบาท และเงินกองทุนกรณีว่างงาน 28,688 ล้านบาท

โดยสำนักงานประกันสังคมได้นำเงินลงทุนดังกล่าวแบ่งลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน เงินฝากธนาคาร และหุ้นกู้เอกชน 412,370 ล้านบาท คิดเป็น 82% ของการลงทุน และลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ ตราสารหนี้อื่น ๆ หน่วยลงทุนและหุ้นสามัญ 87,542 ล้านบาท คิดเป็น 18% ของเงินลงทุน โดยผลจากการลงทุนทำให้กองทุนประกันสังคมได้ผลตอบแทน จำนวน 21,109 ล้านบาท

"ลูกจ้าง ผู้ประกันตนและนายจ้างมั่นใจและสบายใจได้ว่าเงินของท่านยังไม่ได้รับผลกระทบดังเช่นสถาบันการเงินหลายแห่ง โดยหากผู้ใดต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักบริหารการลงทุน 02-9562410 หรือสายด่วนประกันสังคม 1506 " นายสุรินทร์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายสุรินทร์ ได้กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาสำนักงานประกันสังคม ได้นำเงินกองทุนประกันสังคมไปลงทุนเป็นการสร้างรายได้ เพื่อให้กองทุนมีความมั่นคงและสามารถดูแลสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนได้มากขึ้น โดยตลอดปี 2550 สำนักงานประกันสังคมได้ ปรับเพิ่มค่าคลอดบุตรจากเดิม 6,000 บาท เป็น 12,000 บาทต่อการคลอดหนึ่งครั้ง ปรับเพิ่มกรณีสงเคราะห์บุตรจากเดิม 250 บาท เป็น 350 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งคน ปรับเพิ่มกรณีทัตกรรมจากเดิม 200 บาท ต่อครั้ง ไม่เกิน 400 บาท ต่อปีเป็น 250 บาทต่อครั้ง และไม่เกิน 500 บาทต่อปี ปรับเพิ่มค่ายากรณีผู้ประกันตนที่เป็นโรคเอดส์สามารถรับยาต้านไวรัสเอดส์ ทั้งสูตรพื้นฐาน สูตรทางเลือก และสูตรดื้อยาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายปรับเพิ่มกรณีชราภาพเงินบำนาญจากร้อยละ 15 เป็น 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย และเพิ่มอัตราเงินบำนาญชราภาพที่จ่ายเกิน 15 ปี จาก 1% เป็น 1.5% ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุกๆ ปี ปรับเพิ่มกรณีตายจ่ายค่าทำศพเพิ่มจาก 30,000 บาทเป็น 40,000 บาท

ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานในปี 2551 สำนักงานประกันสังคมยังคงเน้นการพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกจ้างและผู้ประกันตนและดำเนินการแก้ไขกฎหมายกองทุนเงินทดแทนเพื่อเพิ่มค่ารักษาพยาบาล และค่าทดแทนกรณีหยุดงาน ทุพพลภาพ ตาย ขายกองทุนเงินทดแทน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้ผู้ประกันตรได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด
กำลังโหลดความคิดเห็น