คนเราทำงานมาถึงวัย 30 ก็จะเริ่มมองถึงการเริ่มสร้างฐานะ สร้างครอบครัวซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าคนในวัยนี้ต้องมีภาระมากขึ้นกว่า ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนรถ หรือแม้กระทั่งการผ่อนบ้าน หรือการศึกษาต่อขั้นสูงขึ้น หรือมีค่าใช้จ่ายของลูก ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ขอฝากไว้ก็คือ **"อย่าลืมนึกถึงตัวเอง” โดยเก็บออมเงินเอาไว้ใช้ในอนาคตยามหลังเกษียณด้วย เพราะจะได้ไม่ต้องเป็นภาระของใคร ๆ หรือแม้กระทั่งของลูกเรา** ซึ่งนั่นหมายถึงเราเข้าใจโลกและชีวิตได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่ว่าเราจะตัดขาดจากครอบครัว แต่เราต้องเข้าใจความจริงที่ว่าลูกเองก็ต้องดูแลตนเองในช่วงเวลานั้น ถ้าเราวางแผนไว้ดี ๆ ในบั้นปลายเราก็มีความสุข ลูกก็จะมีความสุขที่ไม่ต้องกังวลทั้งชีวิตของตัวเอง และความเป็นอยู่ของพ่อ แม่ในยามแก่เฒ่า
ดังนั้น คนในวัย 30 ก็จะมีความรับผิดชอบมากขึ้น รูปแบบการบริหารเงินออมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการออมของคนในวัยนี้ก็จะแตกต่างจากคนในวัย 20 ปีที่เพิ่งเริ่มทำงาน และยิ่งถ้ามีการเก็บออมอย่างจริงจังมาตั้งแต่วัยเริ่มทำงานใหม่ ๆ และเมื่อถึงวัยนี้ยังคงรักษาวินัยการออมของตนเองอยู่คือออมอย่างสม่ำเสมอตามที่กำหนดไว้ ไม่ยกเลิกกลางคัน ก็จะทำให้การจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเงินออมไม่เป็นภาระที่หนักมากเกินไป แต่ถ้าหากวันนี้วันที่เราอยู่ในช่วงวัย 30 เพิ่งตระหนักได้ว่าเราควรเริ่มออมได้แล้ว ภาระของการจัดสรรเงินรายได้เพื่อออมของเราก็จะสูงขึ้น คือ ถ้าต้องการมีเงินใช้อย่างสบายๆ หลังวัยเกษียณ ก็จำเป็นต้องออมในจำนวนสูงถึง 20% ของรายได้ต่อเดือน และก็ต้องออมเงินในสัดส่วนนี้ไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอด้วยและเมื่อออมเงินได้ก็การจัดสรรเงินออมเพื่อลงทุนที่เหมาะสมกับคนในวัยนี้ นั่นคือ เมื่ออายุสูงขึ้นการลงทุนในเครื่องมือการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงก็ควรลดลงเป็นสัดส่วนกัน ในช่วง 30 ปี ก็ควรนำเงินไปลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าคนในช่วง 20 ปี โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ เพราะว่าการลงทุนในตราสารประเภทนี้คุณจะได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนกว่าการลงทุนในตราสารทุน
**ดังนั้น รูปแบบของการลงทุนที่เหมาะสมกับคนในวัยนี้คือ ควรลงทุนในตราสารหนี้ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตร หุ้นกู้ รวมถึงการฝากธนาคาร ในสัดส่วน 50% และ ลงทุนในตราสารทุน เช่น หุ้นสามัญ 50% เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่เพียงพอ**
ทุกจังหวะชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องคิดและวางแผน และเมื่อวัยเปลี่ยนไปตัวคุณก็เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา สิ่งที่ลืมไม่ได้คือเรื่องการออมและการจัดสรรเงินออมที่มีวินัยและปรับให้เหมาะกับเวลาและสถานการณ์เสมอ จะเป็นการสร้างรากฐานที่ดีให้กับชีวิตคุณและครอบครัว แล้วคุณจะพบว่าเรื่องเงิน ๆ ทองๆ เป็นเรื่องของความมหัศจรรย์ที่สามารถทำให้เป็นจริงได้ด้วยตัวคุณเอง
ดังนั้น คนในวัย 30 ก็จะมีความรับผิดชอบมากขึ้น รูปแบบการบริหารเงินออมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการออมของคนในวัยนี้ก็จะแตกต่างจากคนในวัย 20 ปีที่เพิ่งเริ่มทำงาน และยิ่งถ้ามีการเก็บออมอย่างจริงจังมาตั้งแต่วัยเริ่มทำงานใหม่ ๆ และเมื่อถึงวัยนี้ยังคงรักษาวินัยการออมของตนเองอยู่คือออมอย่างสม่ำเสมอตามที่กำหนดไว้ ไม่ยกเลิกกลางคัน ก็จะทำให้การจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเงินออมไม่เป็นภาระที่หนักมากเกินไป แต่ถ้าหากวันนี้วันที่เราอยู่ในช่วงวัย 30 เพิ่งตระหนักได้ว่าเราควรเริ่มออมได้แล้ว ภาระของการจัดสรรเงินรายได้เพื่อออมของเราก็จะสูงขึ้น คือ ถ้าต้องการมีเงินใช้อย่างสบายๆ หลังวัยเกษียณ ก็จำเป็นต้องออมในจำนวนสูงถึง 20% ของรายได้ต่อเดือน และก็ต้องออมเงินในสัดส่วนนี้ไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอด้วยและเมื่อออมเงินได้ก็การจัดสรรเงินออมเพื่อลงทุนที่เหมาะสมกับคนในวัยนี้ นั่นคือ เมื่ออายุสูงขึ้นการลงทุนในเครื่องมือการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงก็ควรลดลงเป็นสัดส่วนกัน ในช่วง 30 ปี ก็ควรนำเงินไปลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าคนในช่วง 20 ปี โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ เพราะว่าการลงทุนในตราสารประเภทนี้คุณจะได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนกว่าการลงทุนในตราสารทุน
**ดังนั้น รูปแบบของการลงทุนที่เหมาะสมกับคนในวัยนี้คือ ควรลงทุนในตราสารหนี้ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตร หุ้นกู้ รวมถึงการฝากธนาคาร ในสัดส่วน 50% และ ลงทุนในตราสารทุน เช่น หุ้นสามัญ 50% เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่เพียงพอ**
ทุกจังหวะชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องคิดและวางแผน และเมื่อวัยเปลี่ยนไปตัวคุณก็เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา สิ่งที่ลืมไม่ได้คือเรื่องการออมและการจัดสรรเงินออมที่มีวินัยและปรับให้เหมาะกับเวลาและสถานการณ์เสมอ จะเป็นการสร้างรากฐานที่ดีให้กับชีวิตคุณและครอบครัว แล้วคุณจะพบว่าเรื่องเงิน ๆ ทองๆ เป็นเรื่องของความมหัศจรรย์ที่สามารถทำให้เป็นจริงได้ด้วยตัวคุณเอง
