xs
xsm
sm
md
lg

จับจังหวะซื้อของถูก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สัปดาห์ที่ผ่านมา ( 7-11 ม.ค.51) ดัชนีค่อนข้างผันผวน แต่โดยรวมดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าดัชนีปิดจะสลับมาในแดนเขียวเรียกกำลังใจจากนักลงทุนได้บ้าง โดยช่วงต้นสัปดาห์ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัวและการดิ่งลงของตลาดหุ้นดาวโจนส์ยังเป็นปัจจัยหลักกดดันตลาดหุ้นในแถบยุโรปและภูมิภาคเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทย แต่หลังจากนั้นตลาดหุ้นสามารถฝ่าขึ้นมาปิดในแดนบวกได้อีกครั้งตามการรีบาวน์ตามตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตามหลังกระดานขึ้นเขียวได้เพียง 2 วัน ก็ร่วงลงรุนแรงอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากภาพของการเมืองในประเทศที่ไม่ค่อยชัดเจนจนนักลงทุนถอดใจ โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่มีแรงเทขายในกลุ่มหุ้นใหญ่ออกมาค่อนข้างหนัก

สำหรับการเปิดซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ ตลาดเคลื่อนไหวผันผวนมาก โดยช่วงเช้าดัชนีรีบาวน์ขึ้นเขียวมาได้บ้าง หลังนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาพูดเรื่องดอกเบี้ย แต่พอเปิดตลาดช่วงบ่ายก็หลุด 800 จุดลงไปด้วยข่าวเมอร์ริล ลินช์ อาจขาดทุนมากกว่าคาด โดยปิดสัปดาห์ที่ 796.47 จุด ลดลง 3.71 จุด หรือ 0.46% คิดเป็นการลดลงจากดัชนีเปิดสัปดาห์ที่ 821.71 จุด กว่า 25.24 จุด หรือ 3.07% มูลค่าการซื้อขายรวมตลอดสัปดาห์ 81,433.25 ล้านบาท เฉลี่ยการซื้อขายวันละ 16,286.65 ล้านบาท

ดัชนีทำจุดสุงสุดที่ 820.47 จุด ในวันที่ 9 ม.ค. 51 และมีจุดต่ำสุดที่ 796.47 จุด ในวันที่ 11 ม.ค. 51 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 11,061.34 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,935.92 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 9,125.42 ล้านบาท

ส่วนสัปดาห์นี้ ดัชนีจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด ... ติดตามมุมมองจากผู้จัดการกองทุน

นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าจัดการลงทุนธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความน่าสนใจที่นักลงทุนจะเข้าซื้อหลักทรัพย์เก็บไว้ในพอร์ตลงทุน

อย่างไรก็ตามในระยะสั้นปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ และปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง จะเข้ามากดดันตลาดหุ้นบ้าง แต่เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นฐานของประเทศไทยที่ยังคงอยู่ในระดับดี ขณะที่การที่นักลงทุนต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะมีเม็ดเงินลงทุนไหลออกมาจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าประเทศไทย เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช่นเดียวกัน

"แม้ว่าระยะสั้น ดัชนีน่าจะขึ้นยาก จากปัจจัยภายนอกที่ไม่ดี แต่ในระยะยาวปัจจัยบวกในประเทศหลังจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็น่าจะทำให้ดัชนีกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้เมื่อถึงฤดูกาลจ่ายปันผล ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการหนุนดัชนีอีกครั้ง" นายพิชา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น