หลังจากการเปิดตัว Kia EV5 อย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปีนี้ ในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบและเป็นรุ่นที่สองของบริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ได้สร้างความสำเร็จด้วยยอดจองมากกว่า 1,500 คัน
ทั้งนี้ Kia EV5 เป็นรถยนต์เอสยูวีอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่รุ่นใหม่ รองรับความต้องการด้านพื้นที่ใช้สอยและความอเนกประสงค์ด้วยฟังก์ชันการใช้งานอันหลากหลาย โดยในปีนี้วางแผนจัดจำหน่าย Kia EV5 ทั่วประเทศไทย
ก่อนที่เราจะรายงานการขับทดสอบสมรรถนะของเจ้า Kia EV5 มาทำความรู้จักเขากันสักหน่อย
Kia EV5 เป็น รถยนต์เอสยูวีขนาดกลางวางจำหน่ายในประเทศไทย 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Kia EV5 Light, Kia EV5 Air, Kia EV5 Earth Long Range และ Kia EV5 Earth Exclusive AWD ในราคาเริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท ช่วงนี้มาพร้อมข้อเสนอ 7-7-8 ประกอบด้วยการรับประกันคุณภาพนานถึง 7 ปีเต็ม บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ 8 ปี
แต่ทริปนี้ทางเกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จัดรถไว้ให้ทดสอบขับ 2 รุ่นคือ ‘ Kia EV5 Earth Long Range’ และ ‘ Kia EV5 Earth Exclusive AWD’ แต่ทางผู้บริหารจะเป็นคนจับว่าใครได้รถอะไรในการทดสอบครั้งนี้ เพราะรุ่นท็อป มีเพียงแค่แค่คันสองคันเอง แต่สื่อมวลชนมากันหลายสิบคนจึงต้องใช้วิธีนี้ เพื่อความยุติธรรม
Kia EV5 รุ่น Earth Long Range มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 88.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 160 กิโลวัตต์ ในขณะที่ให้ระยะการวิ่งจากพลังงานไฟฟ้าตามมาตรฐาน NEDC ได้ไกลมากถึง 665 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
สำหรับ Kia EV5 Earth Exclusive AWD ซึ่งเป็นรุ่นท็อป ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 88.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ให้กําลังรวมถึง 308 แรงม้า หรือ 230 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุดถึง 480 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดในระยะ 620 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบรวดเร็ว 141 kW (ผ่าน DC Fast Charge)
ทั้ง Kia EV5 Earth Long Range และ Kia EV5 Earth Exclusive AWD มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ได้รับการออกแบบภายนอกที่ให้ความสมาร์ทและโดดเด่น รวมถึงความสูงระหว่างพื้นรถกับพื้นถนนที่สูง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคุณลักษณะของรถเอสยูวีขนาดกลางที่แท้จริง ทั้งในด้านของการให้ความคล่องตัว สไตล์อันโฉบเฉี่ยวและการปรับโฉมพื้นที่ภายในใหม่ทั้งหมด
นอกเหนือไปจากระบบความปลอดภัยมาตรฐานรุ่นล่าสุดของเกียที่ติดตั้งใน Kia EV5 ทุกรุ่นย่อยแล้ว Kia EV5 รุ่น Earth Long Range และ รุ่น Earth Exclusive AWD ยังมีระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม ทั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ซึ่งทำงานร่วมกับระบบป้องกันการชนขณะถอยหลัง (RCCA) ระบบป้องกันการชนจากมุมอับสายตาขณะแซง (BCAA) ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ (BVM) ระบบ Smart Cruise Control (SCC) พร้อม Stop & Go รวมไปจนถึงระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร (LFA และ LKA) ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาระยะห่างกับรถยนต์คันหน้าอย่างเหมาะสม ช่วยให้รถยนต์วิ่งอยู่ตรงกลางของช่องจราจร และช่วยเหลือผู้ขับขี่ขณะเปลี่ยนช่องจราจร ยิ่งไปกว่านี้ยังมีระบบช่วยเหลือเพื่อความปลอดภัยขณะลงจากรถ (Safe Exit Assist) อีกด้วย
ภายในของ Kia EV5 มีห้องโดยสารกว้างขวาง โดยในรุ่น Earth Exclusive AWD มีเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่แบบ Relaxation Seat ที่มาพร้อมฟังก์ชันการนวดถึง Air-Cell 4 โหมด ถึง 6 จุด รวมถึงที่พักขาแบบปรับไฟฟ้าได้ Kia EV5 ทุกรุ่นมีพื้นที่วางขาและพิงศีรษะที่กว้างขวาง รวมถึงระบบเพื่อความบันเทิงและเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบ ช่วยให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และสำหรับครอบครัวที่ต้องเดินทางเป็นประจำ Kia EV5 รุ่น Earth Exclusive AWD มีกล่องทำความเย็นและอุ่นร้อนที่คอนโซลกลางสำหรับใช้อุ่นอาหารและแช่เย็นเครื่องดื่ม
ขณะที่เบาะหลังอเนกประสงค์สามารถพับเป็นโต๊ะได้เพื่อวางแท็บเล็ตและให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถเพลิดเพลินไปกับ Snack box ในระหว่างการเดินทางได้ นอกจากนี้Kia EV5 รุ่น Air, Earth Long Range และ Earth AWD ยังมาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ช่วยให้ทุกคนสามารถสัมผัสถึงความเย็นของสายลมและใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นตลอดการเดินทาง
อย่างที่กล่าวข้างต้น บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ Kia EV5 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สื่อมวลชนลองขับ พร้อมสัมผัสความสะดวกสบายในพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง บนเส้นทาง เชียงใหม่ไปยังเชียงราย รวมระยะทาง 317 กม. และเส้นทางที่สองเริ่มจากเชียงรายไปจังหวัดน่าน รวมระยะทาง 358 กม. สำหรับผู้เขียนได้เส้นทางที่สอง จุดสตาร์ทเริ่มกันที่เชียงราย และรถที่ได้คือรุ่น Kia EV5 รุ่น Earth Long Range
ทริปของผู้เขียนมุ่งหน้าไปหมู่บ้านสะปันจังหวัดน่าน รวมระยะทางทดสอบกันยาว 300 กว่าโล ใช้เวลาในการขับเกือบ 6 ชั่วโมง เนื่องจากเส้นทางที่เขาเลือกให้ขับเป็นทางขึ้นเขาสูงชันขับผ่านโค้งเป็นร้อย แต่ด้วยคันที่ขับมีกำลังถึง 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ทำให้อัตราการเร่งแซงพุ่งทะยานแบบรวดเร็วทันใจ บวกกับพวงมาลัยไฟฟ้าเซตมาแบบเบาสบายมือและมีความแม่นยำ ขับสบาย ช่วงล่างค่อนข้างนุ่ม ไม่โคลง หนึบแน่น เน้นความเป็นรถครอบครัวขับแบบไปเรื่อยๆ ไม่เน้นความเร็วเท่าไรนักแต่ถ้าต้องการก็ไม่ติดขัด กดมา กดมา เช่นกัน เก็บเสียงได้ดี จะมีก็เสียงยางเล็ดลอดเข้ามานิดหน่อยตอนวิ่งความเร็วสูง บวกกับระยะทางที่เคลมไว้ 600 กิโลเมตรไปถึงที่ได้แบบเหลือนิดหน่อย แต่ถ้าวิ่งในทางราบน่าจะทำได้อย่างใกล้เคียง
ถึงบรรทัดนี้ต้องบอกว่า Kia EV5 บนเส้นทางที่คดเคี้ยววกไปวนมา ขึ้นเขาลงเขา ผ่านร้อยโค้ง รุ่นรองท็อป สอบผ่าน ขับดีพละกำลังเยอะ อัตราเร่งแซงเหลือ ๆ แบตขนาด 88.1 kWh เหลือเฟือสำหรับการใช้งานปกติขับในเมืองไปต่างจังหวัดครอบคลุม 450-500 กิโลเมตร ช่วงล่างนุ่ม ภายในรถ นั่งสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน หากจะพาครอบครัวไปเที่ยวรุ่นนี้เหมาะมาก สนนราคาค่าตัวอาจจะแรงไปนิด 1,599,000 บาท แต่สิ่งที่ได้รับถือว่าคุ้ม เพราะเป็นรถไฟฟ้าที่เนียบ หรู ดูแพง นั่งสบาย กำลังเหลือเฟือย จัดเลย
